ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกแสดงความเสียใจต่อการอสัญกรรมอดีตผู้นำอังกฤษ
นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศต่อประชาชนเกี่ยวกับพิธีศพอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นเกียรติต่อ บารอนเนส มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 87 ปี จากอาการโรคหลอดเลือดในสมอง
นายคาเมรอนยกย่อง บารอนเนส แธตเชอร์ ว่า เป็นชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ รักชาติอย่างแรงกล้า และทุ่มเทรับใช้ชาติอย่างเต็มความสามารถ ขณะที่นายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯยกย่อง บารอนเนส แธตเชอร์ ในฐานะผู้สร้างอิสรภาพ และเสรีภาพ
มีการระบุว่าพิธีศพอย่างเป็นทางการของอดีตผู้นำหญิงเหล็กของอังกฤษ จะจัดขึ้นในวันที่ 17 เมษายน ณ มหาวิหารเซ็นต์ ปอล โดยสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป พระสวามี จะเสด็จพระราชดำเนินไปร่วมในพิธี และแม้จะไม่ใช่รัฐพิธีศพ แต่ก็จัดเป็นรองเพียง 1 ขั้น
ทั้งนี้ จะมีกองเกียรติยศของกองทัพอังกฤษเทียบเท่าพิธีของเจ้าหญิงไดอาน่า และสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ พระราชชนนี หรือควีนมัม ขณะที่ชาวอังกฤษ และสื่อมวลชนทั้งในอังกฤษ และยุโรปมีปฏิกิริยาทั้งเสียใจ และยินดีกับข่าวการอสัญกรรมของบารอนเนส มาร์กาเร็ต แธตเชอร์
แต่สำหรับผู้นำของชาติในแถบเอเชียแปซิฟิกต่างแสดงความเสียใจกับข่าวนี้ โดยนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งเคยหยิบยกคำพูดของนางแธตเชอร์เกี่ยวกับหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ มาใช้ระหว่างกล่าวถึงความสำคัญของกฎหมายทางทะเลต่อรัฐสภาญี่ปุ่น เกี่ยวกับกรณีเกาะพิพาท เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมยกย่องอดีตผู้นำอังกฤษว่าเป็นนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว พร้อมแสดงความเสียใจแก่ชาวอังกฤษ
เช่นเดียวกับโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนที่กล่าวถึงอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งช่วยวางแผนการส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่จีนว่า เธอเป็นนักการเมืองที่น่ายกย่อง, เป็นผู้ช่วยสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอังกฤษ พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของนางแธตเชอร์
ขณะที่ชาวเกาะฮ่องกงกลับมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไปบ้างก็มองว่า อดีตผู้นำหญิงเหล็กของอังกฤษเป็นคนทรยศ ที่ยินยอมขายประชาธิปไตยของเกาะฮ่องกงคืนแก่จีน แต่บางคนกลับเห็นว่านางแธตเชอร์ทำดีที่สุดแล้วในการสร้างสมดุล ก่อนส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนแก่รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน
นายจอห์น คีย์ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ แสดงความเสียใจต่อครอบครัวแธตเชอร์ และเห็นว่าตำนานความท้าทายในช่วงที่เธอบริหารประเทศ จะเป็นที่กล่าวขานต่อไปในอังกฤษ
น.ส.จูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวยกย่องชื่นชมอดีตผู้นำหญิงคนแรกของอังกฤษ ในฐานะที่เธอเป็นผู้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของสตรีในทางการเมือง และการจากไปของเธอ นับเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่ง เช่นเดียวกับนายจอห์น ฮาวเวิร์ด อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ชื่นชมนางแธตเชอร์ ที่พลิกโฉมหน้าอังกฤษ และหยุดยั้งความเสื่อมถอยที่เกิดขึ้นกับประเทศ
ขณะที่นายมัลคัม เฟรเซอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียในช่วงเวลาเดียวกับนางแธตเชอร์ ชื่นชมว่าเธอเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง สามารถแยกอารมณ์ความรู้สึก และใช้ความชาญฉลาดตัดสินใจในประเด็นสำคัญได้อย่างดี