กองทัพภาค 4 คุมเข้ม 11-17 เม.ย.หวั่นเกิดเหตุรุนแรงใน 3 จังหวัดใต้
เจ้าหน้าที่ใช้รถฮัมวี่ออกลาดตะเวนบนถนนสายหลัก รอบนอกเขตเมืองปัตตานี เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ หลังเมื่อสองวันเกิดเหตุวุ่นวายกว่า 30 จุด ในจังหวัดปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 6 คน โดยได้มีการตั้งจุดสกัด และจุดตรวจร่วม ระหว่างทหาร, ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอย่างเต็มกำลัง เพื่อป้องกันการขนย้ายรถต้องสงสัย หรืออาวุธเข้ามาก่อเหตุ
ส่วนในเขตพื้นที่เมือง ตำรวจทุกสถานีในทุกอำเภอ ได้กระจายกำลังเข้าดูแลพื้นที่ชั้นใน โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจ หลังพบว่าเป็นเป้าหมายก่อเหตุเมื่อ 2 วันก่อนมุ่งไปที่เป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจ ทั้งเรือประมงของบริษัทเอกชน ศูนย์นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ร้านขายยา หรือไปรษณีย์ โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ย้ำว่า นอกจากต้องเฝ้าระวังเป้าหมายเชิงเศรษฐกิจแล้ว สถานที่ราชการที่ปิดทำการเป็นเวลานาน หรือ บ้านเรือนของประชาชนกลุ่มเสี่ยง ก็จำเป็นอย่างมาก ที่ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา
ซึ่งตรงกับความเห็นของแม่ทัพภาคที่ 4 ที่เชื่อว่าเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้น พร้อมกันหลายจุดในเวลาไล่เลี่ยกัน ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่ยังมีคนคิดต่างกับรัฐ โดยจะคงมาตรการดูแลพื้นที่อย่างเข้มข้นตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายน
ส่วนความคืบ หน้าในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุความวุ่นวายในจังหวัดปัตตานี พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ระบุว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 เม.ย.) จะมีการประชุมเพื่อนำหลักฐานทั้งหมดมาประมวล แต่พบว่า เหตุรุนแรงส่วนใหญ่เกิดรอบนอกพื้นที่เมือง ทำให้การติดตามผู้ก่อเหตุจากภาพวงจรปิดทำได้ไม่มากนัก แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของแนวร่วมกลุ่มเดิม ที่เคยสร้างเหตุลอบวางระเบิดและก่อกวนพร้อมกันกว่า 10 จุดในเขตเมืองปัตตานีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556 และเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายอำเภอเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2555