หลังการแถลงด้วยวาจาของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งนำโดยนายฮอ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต่อคำร้องขอตีความคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เห็นว่าสาระสำคัญของฝ่ายกัมพูชา คือ การชี้ให้ศาลเห็นถึงความสำคัญของแผนที่ระวางดงรัก หรือ แอนเน็กซ์ วัน ที่กัมพูชาขอให้ศาลใช้ประกอบการพิจารณาเส้นเขตแดนรอบปราสาทพระวิหาร เพื่อแก้ปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน
ขณะที่ทนายกัมพูชาได้ชี้ให้ศาลเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องรับตีความตามคำร้องของกัมพูชา เนื่องจากเกิดข้อขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาตลอดช่วง 50 ที่ผ่านมาในเรื่องเส้นเขตแดนรอบปราสาท ซึ่งศาลไม่ได้ตัดสินในปี 2505
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่าทางกัมพูชาได้นำเสนอต่อศาลเป็นไปตามที่ทีมงานต่อสู้คดีฝ่ายไทยคาดหมายไว้ทั้งหมด โดยคณะที่ปรึกษากฎหมายต่างประเทศของกัมพูชา พยายามอธิบายว่า ถึงเสาเหตุของการที่กัมพูชาต้องการให้ศาลโลกตีความ รวมถึงพยายามหักล้างเหตุผลของไทยที่เคยแจ้งต่อศาลโลกเป็นลายลักษณ์อักษรไปก่อนหน้านี้ โดยอ้างว่าไม่เคยได้รับทราบการที่ไทยล้อมรั้วลวดหนาม ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมเสนอหักล้างโดยเฉพาะประเด็นที่สมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา เคยเห็นการตีเส้นลวดหนาม แต่ไม่ได้มีการโต้แย้งอะไรที่เป็นทางการกับไทย
ขณะเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โทรศัพท์สอบถามความคืบหน้าการพิจารณาคดีอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้คณะผู้แทนไทย ได้ทำงานอย่างเต็มที่ และได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงในรายละเอียดย้อนหลังของคดีเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าใจ และ กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงดูแลปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่
สำหรับการแถลงวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.) ของฝ่ายไทย นอกจากคำกล่าวเปิดของนายวีระชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าคณะกฎหมายในการต่อสู้คดีของไทยแล้ว จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับร่วมในการชี้แจง เพื่อให้ศาลเห็นถึงข้อบกพร่องของแผนที่อัตราส่วน 1: 200,000 ที่กัมพูชาร้องขอให้ศาลใช้เป็นเส้นเขตแดนรอบปราสาทพระวิหาร