ตร.บังกลาเทศจับ 2 เจ้าของโรงงานเย็บผ้า หลังบังคับให้คนงานกลับเข้าทำงานในอาคารร้าว
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถช่วยคนงานออกจากซากอาคารได้อีก 24 คน นับตั้งแต่เกิดเหตุอาคารถล่มเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยทำงานแข่งกับเวลาโดยไม่มีการหยุดพัก เพื่อช่วยคนที่ติดอยู่ในอาคารออกมาให้เร็วที่สุด โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งอ็อกซิเจนและน้ำดื่มให้คนที่ยังติดอยู่ด้านใน มีการประเมินว่าช่วงที่อาคารถล่มมีคนอยู่ในอาคารประมาณ 3,000 คน ยังคงสูญหายอยู่ประมาณ 600 คน ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการล่าสุดอยู่ที่ 336 คน
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีตำรวจได้จับกุมเจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า 2 แห่งที่อยู่ในอาคารดังกล่าว ได้แก่เจ้าของบริษัท"นิว เวฟ บัทต้อน"และ"นิว เวฟ สไตล์" ที่บังคับให้คนงานกลับเข้าไปทำงานในอาคาร โดยไม่สนใจคำเตือนเรื่องรอยร้าว ทั้งคู่ถูกตั้งข้อหา"ทำให้มีคนเสียชีวิตจากความประมาท" นอกจากนี้ตำรวจกำลังสอบปากคำวิศวกร 2 คน ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารหลังนี้ ส่วนเจ้าของอาคารคือนายโมฮัมเหม็ด โซเฮล รานา ยังคงหลบหนีการจับกุม
เหตุการณ์นี้สร้างความโกรธแค้นให้ครอบครัวของคนงานในอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าที่ชุมนุมประท้วงในหลายจุด รวมทั้่งในบริเวณใกล้กับอาคารที่พังถล่ม เพื่อเรียกร้องให้ทางการจับกุมเจ้าของอาคารและปรับปรุงสภาพการทำงานของคนงาน แต่การชุมนุมกลายเป็นความรุนแรง เมื่อตำรวจต้องใช้กำลังเข้าสลายผู้ชุมนุมที่ปิดกั้นถนน จุดไฟเผารถโดยสารและโจมตีโรงงานสิ่งทอ
อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าของบังคลาเทศถือว่า ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่นี่เป็นแหล่งผลิตเสื้อที่มีค่าแรงต่ำและสวัสดิภาพของคนงานอยู่ในสภาพย่ำแย่ ที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในอุตสาหกรรมนี้บ่อยครั้ง ที่รุนแรงก่อนหน้านี้คือเหตุเพลิงไหม้โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในกรุงธากา เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้คนงานเสียชีวิต 112 คน