"เดวิด มอยส์" เตรียมอำลาเอฟเวอร์ตัน ก่อนรับตำแหน่งใหม่ "ผู้จัดการทีมแมนฯยู"

หลังเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศวางมือจากการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อวานนี้ (8พ.ค.56)  ล่าสุดสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตันเตรียมจะเข้ามารับหน้าที่แทนเซอร์อเล็กซ์ โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันนี้ (9พ.ค.56)  พร้อมทั้งรายงานว่า มอยส์จะกล่าวอำลาลูกทีมเอฟเวอร์ตันที่สนามซ้อมในช่วงเช้าวันนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม มอยส์จะยังคงทำหน้าที่ให้กับเอฟเวอร์ตันต่อไปในเกมพรีเมียร์ลีกสองนัดสุดท้ายที่จะพบกับเวสต์แฮม และเชลซี

 

ขณะเดียวกัน มอยส์ยังได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะสตีฟ บรู๊ซ อดีตกัปตันทีมแมนฯยูที่บอกว่า มอยส์เหมือนกับเสื้อผ้าที่ตัดมาจากผ้าผืนเดียวกับเซอร์อเล็กซ์ และเชื่อมั่นว่า มอยส์จะสามารถสานต่อความสำเร็จของแมนฯยูต่อไปได้

 

ขณะที่อลัน เชียเรอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ตั้งข้อสงสัยถึงความสามารถของมอยส์ โดยบอกว่า แม้มอยส์จะสร้างผลงานได้ดีจากงบประมาณในการทำทีมที่จำกัด แต่ต้องไม่ลืมว่าตลอดระยะเวลา 11 ปีที่คุมเอฟเวอร์ตัน มอยส์ไม่เคยพาเอฟเวอร์ตันคว้าแชมป์ใดมาครองได้เลย

    

 

ทั้งนี้ มอยส์ วัย 50 ปี ผ่านการคุมทีมมาแล้วอย่างโชกโชน โดยเริ่มคุมทีมครั้งแรกกับ เปรสตัน นอร์ธเอนด์ เมื่อปี 1998 ก่อนเข้ามารับงานใหญ่กับทัพ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เมื่อปี 2002 โดยช่วงเวลา 11 ปีที่เจ้าตัวคุมทีมในถิ่นกูดิสัน ปาร์ค ไปถึง 516 นัด โดยเป็นการชนะ 217 เสมอ 139 และแพ้ 160 นัด เหตุผลหลัก ๆ ที่หลายฝ่ายคิดว่า เดวิด มอยส์ เหมาะสมกับการที่จะมาสืบทอดตำนานของเฟอร์กี้ก็เพราะมอยส์ ชอบปั้นเด็กจากอะคาเดมี่ไม่ชอบใช้เงินซื้อดาวดัง ซึ่งก็คล้ายกับการทำงานของเฟอร์กี้ และจะสามารถสานต่อรากฐานของเฟอกี้ได้ทันที

 

สำหรับเฟอร์กี้ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อวานนี้ ได้ออกแถลงการณ์ขอยุติบทบาทผู้จัดการทีม "ผีแดง" หลังอยู่พาทีมประสบความสำเร็จมานานถึง 27 ปี ซึ่งเกมเยือน เวสต์บรอมวิช อัลเบียน วันที่ 19 พ.ค. จะเป็นเกมนัดที่ 1,500 และเป็นเกมสุดท้ายของเจ้าตัวในตำแหน่งกุนซืออาชีพด้วยตลอดเวลาเกือบ 27 ปี นับตั้งแต่คุม "ผีแดง" เมื่อปี 1986 จนถึงปัจจุบัน พาทีมประสบความสำเร็จมาแล้วนับไม่ถ้วนไล่ตั้งแต่แชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย, ลีกคัพ 4 สมัย และยูฟา แชมเปียนส์ลีก อีก 2 สมัยจนได้รับการยกย่องจากแฟนบอลทั่วโลก

 

ส่วนควันหลงหลังการประกาศวางมือของเซอร์อเล็กซ์ปรากฎว่า หุ้นของแมนฯยูในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คปรับลดลงร้อยละ 4.7 หลังเปิดทำการไปเพียง 10 นาที