คนขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ คาดการปรับผิวจราจรอาจเป็นสาเหตุให้รถบรรทุกเกี่ยวสะพานลอยตก
เจ้าหน้าที่สำนักงานบำรุงทางธนบุรีใช้รถแบ็คโฮ เจาะสะพานลอยออกเป็น 3 ท่อน ก่อนที่จะใช้รถเครนยก เพื่อเคลื่อนย้ายสะพานลอยคนข้ามที่ถูกรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เกี่ยวหล่นลงมาเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ถนนบรมราชชนนี ฝั่งขาออก เลยแยกพุทธมณฑลสาย 3 ประมาณ 700 เมตร ขณะที่รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บรรทุกถังเหล็กและส่วนประกอบแท่นขุดเจาะน้ำมัน มาจากอำเภอแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อนำไปส่งที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งขับตามกันมา 3 คัน โดยรถคันแรกได้ขับผ่านสะพานลอยและไปเกี่ยวท้องสะพาน เนื่องจากรถมีความสูงกว่าสะพานลอย ทำให้ตกลงมาและทับรถกระบะที่ขับตามมา เป็นเหตุให้คนขับรถเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที คือนายมนัส มะหะหมัด อายุ 38 ปี
คนขับรถบรรทุกคันที่ 2 ที่ขับตามมา ระบุว่า ประมาณเดือนที่ผ่านมาเคยขับรถส่งของเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่สามารถผ่านไปได้ แต่หลังจากมีการปรับผิวการจราจร ทำให้ความสูงของถนนเพิ่มขึ้น จนช่องว่างระหว่างถนนเหลือน้อยลง ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ตรวจวัดแล้วพบว่า ความสูงของสะพานเหลือ 5.16 เมตร จากเดิมที่อยู่ 5.50 เมตร ในขณะที่ความสูงของรถอยู่ที่ 5.24 เมตร ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกี่ยวสะพานลอยตกลงมา
นายสมประสงค์ อรรถาชิต ผู้อำนวยการ สำนักงานบำรุงทางธนบุรี กล่าวว่า สะพานลอยนี้ใช้งานมาแล้วกว่า 10 ปี แต่เมื่อเหตุอุทกภัยใหญ่ที่ผ่านมา ทำให้ต้องมีการปรับปรุงถนนโดยการเสริมผิวการจราจร ซึ่งกรมทางหลวงกำหนดให้ความสูงระหว่างถนนกับสะพานต้องมีความสูงประมาณ 5 เมตร เบื้องต้นกรมทางหลวงจะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น
ขณะที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ขับรถคันดังกล่าวไปสอบสวน และแจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และบรรทุกสิ่งของสูงกว่าตัวรถตามที่กฎหมายกำหนด