ผู้เสียหายร้องเรียนถูกสวมสิทธิ์บัตรประชาชนซื้อรถยนต์
หลักฐานเอกสารที่กรมการขนส่งทางบกตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถที่พบมีปัญหา ปรากฏว่ามีชื่อของผู้เสียหายเป็นผู้ครอบครองรถอยู่จริง แต่พบการตรวจสอบลายมือชื่อกลับไม่ใช่ของผู้เสียหาย ในการใช้รับโอนรถ
สำหรับกรณีนี้เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งแนะนำผู้เสียหายให้ไปยื่นเรื่องตรวจสอบได้ที่กรมการขนส่งทางบก โดยผู้เสียหายต้องดำเนินการเอง พร้อมเอกสารการแจ้งความ รวมทั้งมีผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจไปประกอบเปรียบเทียบกับเอกสารการโอนรถในปัจจุบัน
ส่วนขั้นตอนของตำรวจ หลังจากที่รับแจ้งความแล้ว ผู้เสียหายต้องนำเอกสารตัวจริงที่ลายมือชื่อของตัวเองปรากฏอยู่ และต้องเป็นเอกสารที่ลงลายมือชื่อก่อนวันเกิดเหตุ คือก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2555 ไปเซ็นชื่อต่อหน้าพนักงานสอบสวน
จากนั้นตำรวจจะนำหลักฐานทั้งหมดส่งสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เพื่อตรวจพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะแจ้งผลกลับมาที่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 3 เดือน เบื้องต้นหากมีผู้กระทำผิดจริง ผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้ในข้อหาปลอม และใช้เอกสารราชการปลอม
และเมื่อได้เอกสารทั้งหมดแล้ว ผู้เสียหายจะต้องนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นต่อกรมการขนส่งทางบกให้ตรวจสอบเอกสารก่อนที่จะเจ้าหน้าที่จะดำเนินการลบเลขทะเบียนที่จดซ้อนกันอยู่ออกจากระบบ และผู้เสียหายถึงจะนำเรื่องไปยื่นกับกรมสรรพสามิต เพื่อใช้สิทธิ์รถยนต์คันแรกได้ดังเดิม