ญาติเชื่อการเมืองระดับชาติสาเหตุยิงนายก อบจ.ลพบุรี

 

   
 

ตำรวจได้ภาพสเก็ตช์ของชายต้องสงสัยว่าจะเป็นมือปืนที่ยิงนายสุบรรณ จิระพันธ์วานิช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลพบุรี เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.แล้ว โดยตำรวจสเก็ตช์จากคำบอกเล่าของพยาน ว่าเป็นชายผิวคล้ำ รูปร่างใหญ่ สูงประมาณ 170 เซนติเมตรขึ้นไป อายุประมาณ 30 เศษ สวมหมวกผ้า เสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงสีเข้ม

 

ขณะที่การประชุมทีมสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีเมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.)  ทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจกองปราบปราม ได้นำข้อมูลของทุกฝ่ายมาประกอบการพิจารณาหาสาเหตุการสังหาร โดย พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่ตัดประเด็นเรื่องส่วนตัวและเรื่องธุรกิจของนายสุบรรณ แต่ก็ให้น้ำหนักที่เรื่องการเมือง ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เพราะนายสุบรรณถือว่าเป็นผู้มีบทบาทมากในจังหวัดลพบุรี โดยขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐานให้ชัดเจนกว่านี้ก่อน

 

น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วานิช ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จังหวัดลพบุรี ยอมรับว่า พี่ชายเป็นผู้สนับสนุนการเลือกตั้งที่เคยส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นมาแล้วหลายครั้ง และเป็นฐานเสียงคนสำคัญของการเมืองระดับชาติ แต่เชื่อว่าการตายของเขาจะไม่กระทบกับฐานเสียงของพรรค

 

ขณะที่ญาติและคนใกล้ชิดต่างเชื่อตรงกันว่าสาเหตุการสังหารนายสุบรรณมาจากการเมืองระดับชาติ โดยอ้างว่า นายสุบรรณถูกโทรศัพท์ข่มขู่ก่อนถูกยิง ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสุบรรณได้ขอตำรวจคุ้มครองความปลอดภัยระหว่างอยู่ในพื้นที่ เพราะกลัวว่าจะถูกทำร้าย

 

ส่วนการประชุมผู้นำเหล่าทัพเมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในที่ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพส่วนใหญ่จะพูดถึงการฝึกทางยุทธวิธีและการฝึกร่วมผสมระหว่างเหล่าทัพไทยกับนานาชาติเท่านั้น ไม่ได้พูดถึงการเมืองแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่รุนแรงมาก มีผู้สมัคร ส.ส.350 คน ร้องขอกำลังตำรวจเข้าดูแลความปลอดภัย และจากนี้ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. การดูแลความปลอดภัยจะเข้าสู่ระยะที่ 3 คือ ระยะเข้มงวดมาก มีการระดมกำลังตั้งด่านตรวจในพื้นที่เสี่ยง ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั้งยาเสพติดและมือปืนรับจ้าง รวมถึงจัดกำลังฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวเชิงลึก และขึ้นบัญชีตัวกลางระหว่างมือปืนและผู้จ้างวาน อีกทั้งยังติดตามพฤติกรรมอดีตนักโทษคดีสำคัญที่พ้นโทษออกจากเรือนจำ เพื่อป้องกันการเข้ามาก่อเหตุร้ายในช่วงโค้งสุดท้ายการหาเสียงเลือกตั้ง ก่อนวิเคราะห์ข้อมูลอุดรูรั่วก่อนการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.

 

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ย้ำให้ข้าราชการทั้ง 4 เหล่าทัพวางตัวเป็นกลาง พร้อมปฏิเสธการขอกำลังทหารช่วยดูแลความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้ง ยกเว้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น

 

ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในช่วงนี้นั้น นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ชี้แจงว่า เป็นการทำหน้าที่ดูแลควบคุมการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ซึ่ง กกต.ต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกับการเลือกตั้งในประเทศ เนื่องจากยังพบปัญหาว่าคนไทยในต่างประเทศไม่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง จึงต้องเดินทางไปพบปะให้คำแนะนำในต่างแดน พร้อมยอมรับว่า หากมีการประชุมอาจไม่ครบองค์ประชุม จึงจำเป็นต้องเดินทางไปและกลับพร้อมกัน โดย กกต.ทั้งคณะจะมีการนัดประชุมร่วมกันในวันอังคารที่ 21 มิ.ย.นี้