เพิ่มเงื่อนไขให้สัมปทานสำรวจปิโตรเลียม

นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีการประกอบกิจการปิโตรเลียม กล่าวว่า แม้พื้นที่ในเขตทวีวัฒนา บริเวณพุทธมณฑลสาย 3 มีโอกาสเป็นแหล่งน้ำมันแห่งใหม่ หลังมีการสำรวจร่องรอยทางธรณีวิทยา และมีการอนุมัติสัมปทานแปลงสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 20 ให้แก่บริษัท มิตตรา เอนเนอร์ยี่ จำกัด ตั้งแต่ปี 2551 นั้น แต่จนถึงปัจจุบัน บริษัทก็ยังไม่สามารถเข้าสำรวจปิโตรเลียมได้ เนื่องจากไม่ผ่านการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยเฉพาะในส่วนประชาชนที่ไม่เห็นด้วย ทำให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติต้องขยายเวลาสัมปทานต่อไปอีก

 

เช่นเดียวกับหลายพื้นที่ที่ถูกต่อต้านจากเครือข่ายและชุมชน เช่น พื้นที่ตัว ก. หรืออ่าวไทยบริเวณติดกับจังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้การพิจารณาเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ในปีหน้า จะต้องเพิ่มหลักเกณฑ์การยอมรับของชุมชนในพื้นที่ก่อน เพื่อป้องกันความขัดแย้งและการชดใช้ค่าเสียหายกับบริษัทเอกชน แต่การคัดค้านในทุกกรณี ก็ทำให้กังวลว่าไทยจะไม่สามารถสำรวจแหล่งพลังงานใหม่ๆ เพื่อเป็นพลังงานสำรองในอนาคตได้เลย โดยเฉพาะหากไทยเลือกที่จะไม่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

 

นายวีระศักดิ์ยังกล่าวถึงกรณีเครือข่ายและชาวบ้านเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ฟ้องศาลปกครองกรณีไม่ให้มีการสำรวจปิโตรเลียมในรัศมีห่างจากฝั่ง 200 ไมล์ทะเลนั้น หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แท่นสำรวจกว่า 300 จุดบริเวณอ่าวไทยต้องหยุดดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติทันที และจะส่งผลกระทบต่อไฟฟ้าในประเทศ เนื่องจากไทยใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าถึงร้อยละ 70 ของเชื้อเพลิงทั้งหมด ขณะนี้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เริ่มซ้อมแผนดับไฟฟ้าบางส่วนเพื่อรับมือ รวมถึงเตรียมใช้น้ำมันดีเซลผลิตไฟฟ้าแทน ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ต้องปรับขึ้นเป็น 2 เท่า