ชาวชุมชมตลาดประตูน้ำ เสนอแผนพัฒนารอบสอง
นายวีระศักดิ์ สุศรวัสวงศ์ ประธานคณะกรรมการชุมชนตลาดเฉลิมลาภ ประตูน้ำเปิดเผยว่า แนวทางที่ 2ทางชุมชนขอพระราชทานราชานุญาตใช้ชื่อKing Place. Market เป็นชื่ออาคารซึ่งเป็นแนวทางล่าสุดที่เสนอให้ทางสำนักทรัพย์สินหลังจากมีการพูดคุยหารือกันมาระยะหนึ่งคือสร้างเป็นคอมเพล็กซ์ สูงประมาณ 10 ชั้น เสนอสร้างอาคารใหม่มูลค่าโดยรวมประมาณ 3,600ล้านบาท ตอบโจทย์ที่จอดรถของความพอเพียงคนที่จะเข้ามาอยู่ใหม่รวมไปถึงรองรับผู้ค้าหน้าใหม่คนภายนอกได้อีกด้วยตอบโจทย์ความแข็งแรงอยู่ได้นานเป็นร้อยปี ซึ่งเนื้อที่ที่กว้างประมาณ 7 ไร่ ใช้เป็นพื้นที่ศูนย์การค้าทั้งหมด 5 ชั้น โดยชั้น 1-4 จะเป็นศูนย์การค้าโดยคอมเพล็กซ์ในเบื้องต้น ชั้นที่ 1-2 คิดค่าตอบแทนเซ้งพื้นที่การค้าระยะยาวให้กับผู้ที่มีความสารถเข้ามาเซ้งในพื้นที่ ส่วนชั้น 3-4ให้สำหรับผู้ที่ไม่มีศักยภาพเพียงพอที่เข้ามาเซ้งเหมาะกับผู้ที่มีรายได้น้อยหรือไม่มากนัก ซึ่งจะเป็นในลักษณะไม่เก็บค่าตอบแทนระยะยาวแต่เก็บเป็นรายเดือน ช่วยให้ผู้ค้าไม่ต้องใช้เงินก้อนจำนวนมากซึ่งจะช่วยให้สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องดิ้นรนมากและมีความสุข
ส่วนชั้นที่ 5 จะทำเป็นร้านค้าและศูนย์อาหารอย่างละส่วนและทางชมรมของเรามอบพื้นที่ประมาณ 300 ตารางเมตร ให้แก่สำนักงานส่วนทรัพย์สิน เพื่อเป็นโครงการพระราชดำริส่วนนี้โดยไม่คิดมูลค่า แต่ประการใดโดยชั้น 5 จะแบ่งเป็นร้านค้าส่วนหนึ่ง ศูนย์อาหารส่วนหนึ่งและโครงการพระราชดำริ ส่วนชั้น6 จะเป็นสำนักงานส่วนดูแลของอาคารและส่วนบริหารของโครงการ นอกจากนั้นจะมีพื้นที่เพื่อให้เช่าสำหรับเก็บของส่วนชั้น 7-10จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด รองรับการรอดรถได้ประมาณ 1,200 กว่าคัน
"ขั้นตอนในการทำงานหากได้รับสัมปทานชาวชุมชนเก่า 51เปอเซ็นต์ที่เหลืออยู่ จะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพื่อถือหุ้นร่วมกัน ดังนั้นพวกเราจะเป็นสัมปทานร่วมกันในระยะเวลา 30 ปี "
อย่างไรก็ตามปัญหาอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นโจทย์สำคัญที่ทางสำนักงานทรัพย์สินบอกกับทางชุมชนประตูน้ำก็คือเรื่องเงินค่าก่อสร้างต่างๆ และค่าสัมปทานที่จะต้องส่งมอบให้สำนักงานทรัพย์สิน
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่าค่าก่อสร้าง ประมาณ2,000 กว่าล้านบาททางชุมชนจะจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆโดยเงินสัมปทานที่จะให้สำนักงานทรัพย์สินจะเพียงพอต่อระยะเวลา 3 ปี อย่างแน่นอนจะใช้ค่าใช้จ่ายในค่าดำเนินการกับ ค่าก่อสร้างในการก่อสร้าง หรือค่าต่างๆจะอยู่ในเม็ดเงินต่อมาเมื่อโครงการได้รับมอบพื่นที่แล้ว พร้อมที่จะเปิดขายโครงการ ชั้น1และชั้น 2มาให้กับคนในชุมชนตลาดคนที่เคยส่งมอบพื้นที่ไปแล้วหรือบุคคลภายนอกที่สนใจในโครงการของตลาดซึ่งการเข้ามาจับจองตลาดจะเริ่มมีรายรับจากการที่จัดเก็บทั้งเงินจองและเงินดาวน์ และชาวชุมชนจะขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินในลักษณะPrefinance(ให้การอุดหนุนทางการเงินล่วงหน้า)ในเบื้องต้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้"ตลาดเฉลิมลาภ" หรือที่ชาวต่างชาติรู้จักกันในนาม"ประตูน้ำมาร์เก็ต" ตลาดเก่าแก่กว่า 50 ปี ยังคงมีการค้าขายเช่นเดิม เพียงแต่จำนวนผู้ค้าและกลุ่มร้านค้าภายในตลาดเหลืออยู่เกินกว่า51.6%จากจำนวนผู้เช่าเดิมทั้งหมด 697 ราย หลังสำนักงานทรัพย์สินฯ ยุติสัญญาเช่าและไม่มีการเก็บค่าเช่าอีกตั้งแต่วันที่ 17 ธค.2555 ที่ผ่านมา จนนำไปสู่การรวมตัวของพ่อค้าแม่ค้ากว่า700 คน เดินทางไปยังสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อขอให้ทบทวนการยกเลิกคำสั่งบอกเลิกสัญญาการเช่า และการส่งมอบพื้นที่เช่าคืนโดยเสนอขอพัฒนาตนเองมาเป็นเวลาถึงปัจจุบัน
ชาวชุมชนประตูน้ำตั้งใจ สร้างความเจริญให้กับชุมชนของตนเองด้วยความร่วมมือของชุมชนเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของชุมชนอื่นๆโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
สถานการณ์ ณปัจจุบันของตลาด"ตลาดเฉลิมลาภ" หรือที่ชาวต่างชาติรู้จักกันในนาม"ประตูน้ำมาร์เก็ต"ขณะนี้ถ้าจะเปรียบเปรยก็ต้องบอกได้ว่ากำลังเผชิญกับมรสุมลูกใหญ่ก็ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปนักเนื่องจากเป็นที่รับรู้กันอย่างดีของชาวชุมชนตลาดประตูน้ำมาพักใหญ่แล้วว่าทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหาษัตริย์ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่สัมปทานของที่ดินบริเวณนี้ได้ส่งหนังสือขอยุติสัญญาเช่าและขอคืนพื้นที่เพื่อนำมาพัฒนาใหม่ให้สอดคล้องกับการพัฒนาของเมืองในปัจจุบันและอนาคตและให้ย้ายออกภายใน17ธันวาคม2555 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลกระทบต่องชาวตลาดเฉลิมลาภประตูน้ำกว่าพันชีวิตเลยทีเดียว
ประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่ชาวชุมชนตลาดประตูน้ำยังต้องยืนหยัดต่อสู้ให้ถึงที่สุดก็คือการเวนคืนตลาดประตูน้ำครั้งนี้ชาวชุมชนตลาดประตูน้ำไม่ไดรับการบอกกล่าวให้ทราบมาก่อนว่าจะมีการที่ดินบริเวณนี้แต่กลับให้มีกลุ่มทุนและนักธุรกิจที่เสนอผลประโยชน์สูงสุดให้กับสำนักงานเพื่อได้สิทธิในการเข้าทำประโยชน์บนที่ดินตลาดประตูน้ำซึ่งชาวชุมชนตลาดประตูน้ำเห็นว่าขัดกับหลักการและนโยบายของสำนักงานที่มีมาเป็นเวลานาน
ที่ผ่านมาคณะกรรมการชุมชนตลาดประตูน้ำได้หาทางออกโดยการยื่นแผนเพื่อขอพัฒนาตนเองมาโดยตลอดเพื่อให้ผู้ที่อยู่เก่าได้อยู่ค้าขายกันต่อโดยไม่มีผลประโยชน์อีกทั้งคณะการชุมชนตลาดประตูน้ำเห็นว่าสำนักงานทรัพย์สินไม่ได้เป็นองค์กรที่แสวงหาผลประโยชน์จึงยังมีความหวังว่าจะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม อีกประการหนึ่งกลุ่มทุนและนักธุรกิจที่จะเข้ามาย่อมจะหาผลประโยชน์ตอบแทนที่ดีที่สุดเป็นหลัก จึงจะทำให้พื้นที่มีราคาสูงเกินจริง
ทั้งนี้ ตลอดเวลาใช่ว่า ทางคณะการชุมชนประตูน้ำจะไม่ได้ทำอะไรเสียทีเดียวซึ่งที่ผ่านมาได้ดิ้นรนหาทางออกที่จะลงตัวกับทางสำนักงานทรัพย์สินฯ มาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่15 กุมภาพันธ์ 2556ได้ไปยื่นแนวทางที่ 1 เรียบร้อย จนวันที่ 22 มีนาคม 2556ทางสำนักงานส่วนทรัพย์สินได้ติดต่อให้เข้าไปหารือตอบข้อซักถามต่อแผนพัฒนาตนเองต่อนายธนา คชาไพร หัวหน้ากองโครงการธุรกิจและได้ตอบข้อซักถามถึงแนวคิดและแนวทางของแผนพัฒนาตัวเองจนครั้งล่าสุดได้ยื่นแผนพัฒนาตัวเองไปอีกครั้งเมื่อ 29 เมษายนที่ผ่านมา ก