งานวิจัยชี้ ยกเลิกมาตรการ
สหการประมูลเผยยกเลิกมาตรการรถคันแรกและไฟแนนซ์เร่งระบายรถค้างสต็อก กระทบราคารถยนต์มือสองทั้งเก๋งและกระบะล่วง เผยรถยนต์นั่งขนาด 1300-1500cc ราคาตก 17.4% เฉลี่ยคันละ 2.8-3.1 แสนบาท คาดสถานการณ์ต่าง ๆ ส่งผลต่อราคารถซบเซาต่อเนื่องถึงปลายปี แนะผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อรถเก่งและกระบะราคาประหยัด
นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สหการประมูล จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มของตลาดประมูลรถยนต์นั่งเดือนมิถุนายน 2556 ว่า ราคาเฉลี่ยของรถยนต์นั่งขนาด 1300-1500 cc และ 1600-2000 cc เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 17.4% และ 8.2% ตามลำดับ สาเหตุเนื่องจากกระแสข่าวยกเลิกมาตรการรับรถยนต์จากโครงการรถคันแรกที่อาจจะสูงถึง 200,000–360,000 คัน รวมทั้งไฟแนนซ์ต่าง ๆ พยายามลดสต็อครถยนต์ที่มีอายุการใช้งานระหว่างปี 1996 – 1999 ส่งผลกดดันให้ราคาประมูลเฉลี่ยรถยนต์นั่งทั้ง 2 ประเภทอยู่ในทิศทางขาลง
ทั้งนี้ .สหการประมูลคาดว่าภาวะตลาดอาจจะซบเซาจนถึงช่วงปลายปี เป็นโอกาสดีของผู้บริโภคที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองผ่านประมูลในช่วงที่ระดับราคาอ่อนตัว โดยราคาประมูลซื้อรถยนต์ 1300-1500 cc ที่จดทะเบียนระหว่างปี 2006-2008 ที่ระดับราคาอยู่ที่คันละประมาณ 286,700 – 315,600 บาท ส่วนรถยนต์ 1600-2000 cc ที่จดทะเบียนระหว่าง ปี 2006-2008 ที่ระดับราคาขายคันละประมาณ 400,000 – 417,300 บาท
สำหรับแนวโน้มของตลาดประมูลรถยนต์มือสองประเภทกระบะในเดือนมิถุนายน 2556 นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับพฤษภาคมพบว่าราคาของสหการประมูลอยู่ที่คันละ 308,430 บาท ซึ่งปรับตัวลดลง 5.3 % โดยราคาประมูลเฉลี่ยรถกระบะ Single Cab เดือนพฤษภาคมปรับตัวลดลง 7.4% ขณะที่ราคาประมูลเฉลี่ยกระบะ Club Cab และ Double Cab เดือนพฤษภาคมปรับตัวลดลง 4.4 % เมื่อเทียบกับเดือนก่อน
“ธนาคารแห่งประเทศไทย ประมาณการณ์ดัชนีราคาสินค้าเกษตรว่ามีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อของเกษตรกรซึ่งเป็นลูกค้าหลักที่ใช้รถกระบะ ประกอบกับเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งเป็นช่วง Low season ของตลาดรถยนต์และเป็นช่วงที่เกษตรกรต้องจัดสรรเงินไว้สำหรับเตรียมการเพาะปลูก จากปัจจัยดังกล่าวสหการประมูลประเมินว่าระดับราคาประมูลรถกระบะน่าจะเริ่มชะลอตัวลง หลังจากราคาประมูลได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแรงในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจากนโยบายจำนำราคาข้าว ดังนั้น จึงเป็นช่วงที่น่าจะประมูลซื้อรถยนต์ประเภทกระบะ เนื่องจากอยู่ในช่วงที่ระดับราคาอ่อนตัวลง กล่าวคือรถกระบะ Single Cab ระหว่างปี 2006 – 2008 ระดับราคาปรับลดลงมาที่คันละ 260,000 บาท ในขณะที่รถยนต์กระบะประเภท Club Cab ปี 2006 – 2008 ที่ราคาอยู่ที่คันละ 385,000 บาท และรถกระบะประเภท Double Cab ปี 2006 – 2008 ระดับราคาอยู่ที่คันละ 400,000 บาท” นายเอกพิทยากล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สหการประมูล กล่าวถึงแนวโน้มตลาดประมูลจักรยานยนต์ว่า ในเดือนมิถุนายน 2556 ตลาดประมูลจักรยานยนต์ได้เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยราคาประมูลเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.8 % สาเหตุเนื่องจากราคารถมือสองตกลงมาค่อนข้างมาก ทำให้ลูกค้าสามารถประมูลซื้อจักรยานยนต์สภาพดีได้ในราคาถูก ประกอบกับในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนตลาดดังกล่าวได้รับผลบวกจากปัจจัยทางด้านฤดูกาล กล่าวคือเป็นช่วงเปิดเทอมของนักเรียนและนักศึกษา ดังนั้น บมจ.สหการประมูลประเมินตลาดประมูลจักรยานยนต์ในช่วงเดือนนี้ว่ายังอยู่ในภาวะคึกคัก อย่างไรก็ตาม บมจ.สหการประมูลแนะนำให้ประมูลซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา เนื่องจากระดับราคาประมูลปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรง แต่ถ้าต้องการซื้อจักรยานยนต์มือสองในช่วงนี้แนะนำประมูลซื้อรถประเภท Moped ซึ่งที่ระดับราคาอยู่ที่คันละ 20,700 – 22,000 บาท และรถประเภทออโตเมติก ที่ระดับราคาคันละ 18,900 – 20,200 บาท