สำรวจผลกระทบ
ไทยพีบีเอสได้นำเสนอปัญหาการขุดเจาะสำรวจน้ำมันบนบกในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากนั้น ยังมีเรื่องการขุดเจาะน้ำมันกลางอ่าวไทย ซึ่งหลายแปลงสัมปทานผ่านการทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอแล้ว สิ่งที่น่ากังวลคือ แปลงสัมปทานทับซ้อนกับพื้นที่การท่องเที่ยว และพื้นที่ทำประมง
ชีวิตของบังซอ หมัดลาเต๊ะ ชาวประมงบ้านหัวถนนอิสลาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังคงเหมือนเช่นทุกวัน แม้จะเป็นช่วงมรสุม ปลาเพียง 10 กิโลกรัมที่หาได้ รายได้ประมาณ 800 บาท จากปลาดาบ ปลาบิน ปลาโทง จากลูกสาวที่จะนำปลาเหล่านี้ไปขายต่อที่ตลาดใกล้บ้าน ชีวิตของชาวประมงที่ขึ้นอยู่กับทะเล ทำให้เมื่อจะมีแท่นขุดเจาะน้ำมันเกิดขึ้นใกล้บ้าน ชาวประมงอย่างบังซออดกังวลถึงอนาคตไม่ได้ ชีวิตที่หาเช้ากินค่ำทำให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารการค่อนข้างจำกัด อำนาจการตัดสินใจจึงยกให้ผู้นำชุมชนเป็นผู้ตัดสิน
ชายหาดบ้านตลิ่งงามพื้นที่ที่เคยพบคราบน้ำมันเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แม้วันนี้แทบจะไม่เห็นร่องรอยของน้ำมัน แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงกังวลว่า คราบน้ำมันที่ตกค้างอยู่อาจส่งผลในอนาคต
แปลงสัมปทาน B6/27 ของบริษัท ปตท.สผ. ห่างจากหมู่เกาะอ่างทองเพียง 50 กิโลเมตร ห่างจากเกาะสมุย 80 กิโลเมตร และใกล้ชายฝั่ง จ.ชุมพรเพียง 18 กิโลเมตร และแปลง G6/48 ของบริษัท เพิร์ล ออย ห่างจากเกาะสมุยประมาณ 100 กิโลเมตร ทั้ง 3 แปลงนี้ ผ่านการทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอแล้ว
ขณะที่แปลงสัมปทาน B8/38 ของบริษัทซาลามานเดอร์ ซึ่งห่างเกาะพะงันเพียง 36.7 กิโลเมตร อยู่ระหว่างรอพิจารณา อีไอเอจาก คณะกรรมการผู้ชำนาญการ
การอนุมัติอีไอเอ ทั้ง 3 แปลงสัมปทาน ส่งผลให้บริษัทน้ำมัน สามารถเข้าไปขุดเจาะน้ำมันได้ทันที แม้อีไอเอทั้ง 3 ฉบับ จะถูกคัดค้านจากเครือข่ายและประชาชนในพื้นที่ก็ตาม เห็นได้จากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายรักษ์อ่าวไทย เกาะสมุย เกาะพะงัน และ เกาะเต่า เดินหน้าฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลางมาโดยตลอด