ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ครม. มีมติปรับลดราคารับจำนำข้าวนาปรัง และจำกัดวงเงินรับจำนำข้าวต่อราย

20 มิ.ย. 56
10:59
44
Logo Thai PBS
ครม. มีมติปรับลดราคารับจำนำข้าวนาปรัง และจำกัดวงเงินรับจำนำข้าวต่อราย

โดย โชติกา ชุ่มมี และ เกียรติศักดิ์ คำสี ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยพาณิชย์

 ครม. มีมติปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้านาปรัง สำหรับปีการผลิต 2013 จาก 15,000 บาทต่อตัน เป็น 12,000 บาทต่อตัน โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 2013 พร้อมทั้งมีมติจำกัดวงเงินในการรับจำนำข้าวของเกษตรกรไว้ที่ 500,000 บาทต่อครัวเรือน จากเดิมที่ไม่จำกัดวงเงิน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที

 
โดยเบื้องต้นศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยพาณิชย์ ประมาณการว่า ในกรณีที่ดีที่สุด (best-case scenario) รัฐบาลจะสามารถลดภาระขาดทุนจากข้าวนาปรังปีการผลิต 2013 ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวและคาดว่าจะเข้าสู่โครงการรับจำนำได้ราว 7,400 ล้านบาท การรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าที่ตันละ 15,000 บาท ทำให้มีต้นทุนการผลิตข้าวสารอยู่ที่ราว 23,200 บาทต่อตัน (รวมค่าสี และค่าวัตถุดิบ โดยการผลิตข้าวสาร 1 ตัน จะต้องใช้ข้าวเปลือกประมาณ 1.5 ตัน) ซึ่งหากรัฐบาลสามารถขายข้าวได้ที่ราคาส่งออกข้าวขาว 5% (F.O.B price) ณ ปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ราว 16,400 บาทต่อตัน รัฐบาลจะมีภาระขาดทุนเกือบ 6,800 บาทต่อตัน
 
 แต่หากรัฐบาลปรับลดราคารับจำนำลงมาอยู่ที่ 12,000 บาทต่อตัน จะทำให้มีต้นทุนการผลิตลดลงเหลือเพียงประมาณ 18,700 บาทต่อตัน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีภาระขาดทุนอยู่ที่ราว 2,300 บาทต่อตัน หรือมีผลขาดทุนลดลงจากราคารับจำนำเดิมประมาณ 4,500 บาทต่อตัน ทั้งนี้ EIC คาดการณ์ว่า จะมีปริมาณข้าวเปลือกนาปรังเข้าสู่โครงการรับจำนำเพิ่มเติมจากผลผลิตข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีกประมาณ 2.5 ล้านตัน หรือคิดเป็นข้าวสาร 1.6 ล้านตัน ซึ่งการปรับลดราคารับจำนำดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลสามารถลดภาระขาดทุนลงได้ราว 7,400 ล้านบาท
 
EIC มองว่า เกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวมากที่สุดคือ เกษตรกรในเขตภาคกลางและภาคเหนือ เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปรังส่วนใหญ่ของไทยกว่า 90% มาจากพื้นที่ภาคกลาง (48%) และภาคเหนือ (42%) ในขณะที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ผู้ประกอบการโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากคาดว่าผลผลิตข้าวนาปรังส่วนที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวน่าจะเข้าสู่โครงการรับจำนำเกือบทั้งหมด
 
ราคาส่งออกข้าวไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ปัจจุบันทั่วโลกมีผลผลิตข้าวอยู่ในระดับสูงทำให้ราคาส่งออกข้าวของประเทศต่างๆ ปรับตัวลดลง ยกตัวอย่างเช่น ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของเวียดนามที่ปรับตัวลดลงราว 10% (YOY) ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ในขณะที่ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของไทยกลับปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายรับจำนำข้าว ดังนั้น การปรับลดราคารับจำนำข้าวลงจะช่วยให้ต้นทุนของผู้ส่งออกและราคาส่งออกข้าวไทยปรับตัวลดลงตามไปด้วย
 
ราคาข้าวไทยที่ปรับตัวลดลง จะช่วยให้ความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกข้าวในระยะต่อไป การที่ราคาข้าวไทยปรับตัวลดลงจะทำให้ส่วนต่างราคาส่งออกข้าวขาวของไทยกับประเทศคู่แข่งปรับตัวลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ปัจจุบันส่วนต่างราคาส่งออกข้าวขาวของไทยกับเวียดนามอยู่ที่ 162 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากเดิมที่เคยมีส่วนต่างราคาราว 60-70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าหันไปนำเข้าข้าวจากประเทศคู่แข่งอื่นที่มีราคาถูกกว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีคุณภาพข้าวที่ไม่แตกต่างกันมากนัก  ซึ่ง EIC คาดการณ์ว่า การปรับลดราคารับจำนำข้าวจะทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาข้าวไทยและเวียดนามมีแนวโน้มปรับลดลง ซึ่งจะช่วยให้ความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยปรับตัวดีขึ้น และน่าจะช่วยให้ไทยสามารถส่งออกข้าวได้สูงกว่าปริมาณที่หลายหน่วยงานได้เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
 
 
 
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง