ผู้ว่าฯสงขลา พร้อมช่วยเหลืออดีตผู้ร่วม
ผู้ว่าราชการจ.สงขลา ประสานผู้นำท้องถิ่นและศาสนาใช้เดือนรอมฎอน ทำความเข้าใจญาติของผู้ที่เคยร่วมก่อเหตุก่อความไม่สงบยุติการเคลื่อนไหว ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า คุมตัวเจ้าของร้านโทรศัพท์มือถือในจ.ปัตตานีไปสอบปากคำ หลังตรวจค้นภายในร้านพบปุ๋ยยูเรีย 1 กระสอบ
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน คณะทำงานพิเศษ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ประมาณ 30 นาย ใช้อำนาจกฏอัยการศึกตรวจค้นร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ริมถนนทางเข้าเมืองปัตตานี บ้านดอนรัก ต.ดอนรัก อ.หนองจิก พร้อมยึดบัญชีรายชื่อผู้ลงทะเบียนโทรศัพท์มือถือ สมุดธนาคาร เกือบ 20 เล่ม ปุ๋ยยูเรีย 1 กระสอบน้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม และถังแก๊สหุงต้ม 1 ถัง เพื่อนำไปตรวจสอบว่า มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ พร้อมทั้ง เชิญนายวันอุสมาน วันนาวัน เจ้าของร้านดังกล่าวไปสอบถามข้อเท็จจริงที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร
ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคง ตั้งด่านตรวจเข้มเส้นทางเข้าออกอ.ตากใบ จ.นราธิวาส หลังมีการติดป้ายผ้าที่มีข้อความ สถานการณ์จะไม่สงบ หากยังไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่ บนถนนนราธิวาส-ตากใบ หมู่ 1 ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ
ผู้ว่าราชการจ.สงขลา เปิดเผยว่า ได้ประสานกับผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนาให้ช่วยพูดคุยกับผู้ปกครองและญาติของผู้ที่เคยก่อเหตุไม่สงบในพื้นที่และยังหลบซ่อนตัวอยู่ แต่มีความต้องการกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขกับครอบครัว ขอให้แจ้งมาทางจังหวัดเพื่อวางแนวทางช่วยเหลือให้ได้รับการประกันตัวหากพร้อมยุติการเคลื่อนไหว เชื่อจะเป็นแนวทางหนึ่งแก้ปัญหาขัดแย้งในพื้นที่
สถานการณ์ในพื้นที่สี่อำเภอของจ.สงขลาลดความรุนแรงลงอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2550 ทางจังหวัดอยู่ระหว่างประสานการทำงานกับฝ่ายความมั่นคง ก่อนส่งมอบพื้นที่ให้ทางจังหวัดและตำรวจดูแล แต่จะต้องมีการพูดคุยเพื่อประเมินสถานการณ์ในพื้นที่อีกครั้งในช่วงปลายปี
ขณะที่อิหม่าม ดอเลาะ สาเหมาะ ผู้นำศาสนา อ.เทพา เห็นว่า สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ที่คลี่คลายลงนับจากปี 2552 เป็นต้นมา มีสาเหตุสำคัญจากการยกเลิกการใช้พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ ทำให้ไม่เกิดความเข้าใจผิดระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน ทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบไม่มีเงื่อนไขไปใช้ในการก่อเหตุร้ายในพื้นที่