ป.ป.ง.เตรียมสอบที่มาการเงิน
รองเลขาฯป.ป.ง. เตรียมขอหลักฐานการเงิน "หลวงปู่เณรคำ" หลังพบมีใน 16 บัญชี หมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท ก่อนสรุปเข้าข่ายความผิดกฎหมายฟอกเงิน ฐานฉ้อโกงหรือไม่ เตือนผู้เกี่ยวข้อง แต่ไม่รู้ที่มาให้ข้อมูลป.ป.ง.ก่อนมีความผิดร่วมฟอกเงิน
จากการที่มีการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของหลวงปู่เณรคำ และพบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท ใน 16 บัญชี ด้านร.ต.อ.หญิง สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการป.ป.ง. กล่าวว่า วันนี้ (3ก.ค.56) เตรียมขอหลักฐานการเงินจากสถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินอีกครั้ง ซึ่งหากพบว่า ได้มาโดยมิชอบด้วยกฏหมาย หรือเข้าข่ายความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงิน เช่น มาจากการค้ายาเสพติด, การค้ามนุษย์, ฉ้อโกง เป็นต้น ก็จะมีการส่งเรื่องให้อัยการเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งในส่วนของหลวงปู่เณรคำนั้น หากพบว่ามีความผิดจริง จะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ที่หลอกลวงให้บริจาคเงิน
ทั้งนี้ ตามปกติแล้ว สถาบันการเงินจะส่งบัญชีที่การเงินเคลื่อนไหวเข้า-ออก เกิน 2 ล้านบาท รายงานให้ป.ป.ง.รับทราบอยู่แล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวกับว่า บุคคลที่มีเงินอยู่ในบัญชีนั้นจะเป็นใคร และกรณีของหลวงปู่เณรคำ จะมีการตรวจสอบย้อนหลังตั้่งแต่ปี 2554-ปัจจุบัน โดยเฉพาะช่วงที่มีการทำธุรกรรมเกิน 2 ล้านบาท
นอกจากนี้ สำหรับบุคคลใกล้ชิดกับหลวงปู่เณรคำที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทั้ง 16 บัญชี แต่ไม่ทราบถึงที่มาของเงินดังกล่าว สามารถเข้าให้ข้อมูลกับป.ป.ง.ได้ เนื่องจากหากป.ป.ง.พบความผิดในการโอนเงินทรัพย์สินแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะมีความผิดทางอาญา มีโทษจำคุก 2-10 ปี สูงสูด 20 ปี อีกทั้ง หากมีการเคลื่อนย้ายเงินในขณะนี้ก็อาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินด้วย แม้ว่าป.ป.ง.ยังไม่มีคำสั่งอายัติก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หากป.ป.ง.พบมีความผิดจริง หลวงปู่เณรคำจะมีเวลา 30 วันในการชี้แจงที่มาของเงิน ก่อนที่ป.ป.ง.จะสรุปผล และส่งให้อัยการต่อไป