ในโอลิมปิกเกมส์ 2012 กำปั้นไทยคว้าตั๋วมาได้เพียงแค่ 3 ที่นั่ง ซึ่งเป็นโคว้ต้าน้อยที่สุดในรอบหลายปี จากการที่ได้โควต้าน้อย ส่งผลให้ทีมกำปั้นไทยต้องเจอกับปัญหาหลายเรื่อง ทั้งขาดคู่ซ้อมลงนวม ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทีมที่คอยดูแลการให้น้ำบนเวทีก็ไม่เพียงพอ ทุกอย่างล้วนมีความจำเป็น และส่งผลกับผลงานการแข่งขันทั้งหมด ซึ่งท้ายที่สุดไทยคว้าได้เพียง 1 เหรียญเงินจากแก้ว พงษ์ประยูรเท่านั้น
จากปัญหาของทีมกำปั้นไทย ที่เจอในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งล่าสุด คณะกรรมการบริหารในใต้การดูแลของ พิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคม ไม่อยากให้ทีมกำปั้นไทยเจอปัญหาเก่า จึงเตรียมวางแผนระยะยาว ในการพากำปั้นไทย ฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อไปโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งจะเน้นให้น้ำหนักกับการชกมวยสากลสมัครเล่น (AOB) มากกว่าเวิลด์ ซีรี่ส์ และโปรบ็อกซิ่ง โดยตั้งเป้ากับโควต้าไว้ 6 รุ่น ไล่จาก 49 กิโลกรัมถึง 69 กิโลกรัม ซึ่งเป็นพิกัดน้ำหนักที่เหมาะสมกับสรีระของนักชกไทย
เป้าหมาย 6 ที่นั่งมุ่งโอลิมปิกเกมส์ ที่ รีโอ เดอจาไนโร ประเทศบราซิล ในปี 2016 สมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทยได้ส่งเสริมนักกีฬาตัวความหวัง ไปแข่งขันหาประสบการณ์ในต่างประเทศให้มากกว่าเดิม พร้อมทั้งจะปั้นนักชกที่มีแววเพื่อเพิ่มทางเลือก นอกจากนี้ ได้เตรียมทุ่มงบประมาณโดยจะขอความร่วมมือจากรัฐบาลในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขัน ศึก ไอบ้า เวิลด์ แชมเปี้ยน ชิพ 2015 ในปี 2558 เพื่อเพิ่มโอกาสให้กำปั้นไทยอีกทางหนึ่ง