สถานการณ์การเมืองทำต่างชาติชะลอการลงทุนในไทย
ผู้ประกอบการขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ระดับโลกยังไม่กล้าเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะการลงทุนในระยะอันใกล้ เนื่องจากนักลงทุนจากยุโรปและสหรัฐฯ ยังกังวลต่อสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้ง
นายเพาเลียส คุนซินาส บรรณาธิการระดับภูมิภาค อ๊อกฟอร์ด บิสสิเนส กรุ๊ป ผู้จัดทำรายงานเชิงลึกด้านเศรษฐกิจและการลงทุนของไทย The Report Thailand 2011 เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้ไทยเสียโอกาสพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนต่างรอผลการเลือกตั้งที่จะออกมา ซึ่งหากบรรยากาศการเมืองคลี่คลายลง ก็เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนจะหลั่งไหลเข้าไทยอีกมาก
สอดคล้องกับนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่เปิดเผยภายหลังได้พูดคุยกับผู้แทนบริษัทอินเทล ผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกว่า อินเทลเสียดายที่ไทยพัฒนาการเกี่ยวกับไอซีทีช้ากว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ผู้ประกอบการหลายบริษัทเฝ้ารอวันที่ไทยพร้อม อย่างไรก็ตาม อีกหลายอุตสาหกรรมยังคงเดินหน้าลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง แม้หนทางการเมืองยังไม่ค่อยราบรื่น
จากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจจากสถาบันจัดการนานาชาติ หรือไอเอ็มดี, เวิลด์อีโคโนมิค ฟอรั่ม และธนาคารโลก อันดับของไทยไม่ดีนักและยังมีแนวโน้มแย่ลง ขณะที่เพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม กลับได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งนางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยอมรับว่า ไทยมีศักยภาพอันดับ 3 ในอาเซียน แต่โครงสร้างพื้นฐานต้องมาจากการส่งเสริมของรัฐบาลในแต่ละชุด ขณะที่บางประเทศกังวลต่อปัญหาการเมืองของไทย ต่างจากนักลงทุนจากเอเชียที่ยังลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่า 5 เดือนแรกปีนี้ ยอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนมีทั้งสิ้น 725 โครงการ มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 51 โดยเป็นการลงทุนจากต่างประเทศโดยตรง 431 โครงการ มูลค่ากว่า 140,000 ล้านบาท และซึ่งเวลาที่เหลือของปีนี้มีโอกาสทำยอดได้สูงกว่าเป้าหมาย 400,000 ล้านบาท แต่เลขาธิการ BOI ก็ยอมรับว่า การที่รัฐบาลใช้มาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุน ด้อยกว่าคู่แข่งที่ใช้วิธีให้เงินสดหรือที่ดิน ขณะเดียวกัน BOI อยู่ระหว่างศึกษามาตรการอื่นเพื่อเสนอรัฐบาลใหม่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญมากน้อยเพียงใด และเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพหรือไม่