สถานการณ์ซีเรียเลวร้ายเทียบเท่ารวันดา
นายแอนโตนิโอ้ กูเตียเรส หัวหน้าสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) แถลงในที่ประชุมขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในนครนิวยอร์คของสหรัฐฯ ถึงสถานการณ์ในซีเรียว่า เฉลี่ยแต่ละเดือนจะมีชาวซีเรียเสียชีวิตประมาณ 5,000 คน และเฉลี่ยแต่ละวันมีชาวซีเรียอพยพหนีภัยการสู้รบประมาณ 6,000 คน ถือเป็นตัวเลขที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่เหตุการณ์ฆ่าล้ายเผ่าพันธุ์ในรวันดา เมื่อปี 2537
ด้านนายไอแวน ซิโมโนวิค รองเลขาธิการฝ่ายสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ในซีเรียตอนนี้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง และมีการก่ออาชญากรรมสงคราม โดยรายงานอย่างเป็นทางการของนายนาวี พิไลย ผู้แทนของยูเอ็นเอชซีอาร์ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตในซีเรียอยู่ที่ 92,901 คน โดยกองกำลังของรัฐบาลได้ใช้ปฏิบัติการขุดรากถอนโคนฝ่ายต่อต้านในเมืองอเล็ปโป้,กรุงดามัสกัส และอีกหลายพื้นที่ ในขณะเดียวกันฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ติดอาวุธยังก่อเหตุลักพาตัว และทรมาน
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้านของซีเรีย เนื่องจากชาวซีเรียนับล้านคนได้อพยพหนีภัยการสู้รบ นายนาวาซ ซาลาม เอกอัครราชทูตเลบานอนประจำสหประชาชาติเรียกร้องให้นานาชาติช่วยเหลือประเทศที่รองรับผู้อพยพจากซีเรีย และหาทางป้องกันไม่ให้ความรุนแรงกระจายไปในภูมิตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ เลบานอน และจอร์แดนเป็น 2 ประเทศเพื่อนบ้านที่รับผู้อพยพจากซีเรียมากที่สุด รองลงมาคืออิรัก และตุรกี ซึ่งประเทศเหล่านี้ต้องแบกรับภาระในการดูแลผู้หนีภัยการสู้รบที่รวมแล้วมีอยู่หลายแสนคน ที่ผ่านมากลไกของยูเอ็นไม่สามารถยุติความรุนแรงในซีเรียได้ สาเหตุหนึ่งมาจากรัสเซีย และจีน ซึ่งเป็นชาติสมาชิกถาวรไม่เห็นด้วยที่ยูเอ็นจะเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของซีเรีย โดยรัสเซีย และจีนมองว่านี่เป็นปัญหาภายในประเทศ ควรปล่อยให้ชาวซีเรียหาทางแก้ไขเอง