ชาวจ.สงขลาค้านข้อเสนอ
ข้อเสนอของกลุ่มบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต ที่ต้องการให้รวมอ.สะเดา เป็นอำเภอที่ 5 ของจังหวัดสงขลาที่เกิดเหตุความไม่สงบระหว่างการพูดคุยสันติภาพ กำลังสร้างความหวาดหวั่นให้ชาวบ้านไม่น้อย เพราะหลายคนกลัวว่าความต้องการเช่นนี้ อาจเป็นทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ทั้งคนไทยพุทธและมุสลิม ที่อยู่ฉันท์พี่น้องเปลี่ยนแปลงไป และแนวคิดนี้ก็อาจเป็นการชักศึกเข้าบ้าน
กว่า 30 ปีแล้ว ที่เจ้าของร้านขายกาแฟร้านนี้ เลือกอำเภอสะเดาเป็นที่ตั้งหลักปักฐาน เจ้าของร้านบอกว่าอ.สะเดา เป็นอำเภอที่มีเศรษฐกิจดีที่สุด เพราะอยู่ติดชายแดนไทยมาเลเซีย การค้าขายจึงทำได้สะดวก และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นที่ต้องประกาศให้เป็นพื้นที่ก่อความไม่สงบ และหากเป็นเช่นนี้จริงก็ย่อมกระทบต่อการทำมาค้าขาย เหมือนเช่นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งผู้ประกอบการได้รับผลกระทบอย่างมากจากเศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่องมาตลอด 9 ปี พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่กลุ่มบีอาร์เอ็นต้องการให้อำเภอสะเดาเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมาย อาจเป็นเพราะต้องการรายได้จากระบบเศรษฐกิจที่เติบโต ซึ่งมีรายได้จากการค้าชายแดนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทต่อเดือนจึงอาจต้องการใช้เป็นฐานด้านการลงทุน และการค้า
ปัจจุบันอำเภอสะเดา มีประชากรมากกว่า 120,000 คน ร้อยละ 40 เป็นคนไทยมุสลิม แต่ก็มีประชากรแฝงอีกกว่า 50,000 คน โดยเฉพาะคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ย้ายถิ่นฐานมาทำมาหากินที่นี้ อีกทั้งรากเหง้าของปัญหาสามจังหวัดในแง่ประวัติศาสตร์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอ.สะเดา ทำให้หลายคนไม่เห็นด้วยที่จะเหมารวมอ.สะเดา ไปเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เกิดเหตุรุนแรงนอกเหนือจากอ.นาทวี, เทพา, สะบ้าย้อย และอ.จะนะ ที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุความไม่สงบของจังหวัดสงขลา