<"">
กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนโรงสีเข้าร่วมประมูลข้าวเปลือกในสต๊อกรัฐบาลเพื่อนำไปผลิตข้าวนึ่งเพื่อการส่งออก เนื่องจากมีมูลค่าสูงกว่าข้าวขาวถึงตันละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ชาวนาหลายอำเภอในจังหวัดเชียงราย สูญเงินเกือบ 10 ล้านบาท เนื่องจากนำข้าวร่วมโครงการรับจำนำข้าว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับใบประทวน
ชาวนาในอำเภอเทิง และขุนตาล จังหวัดเชียงรายจำนวนมาก ต่างนำข้าวไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว ปีการผลิต 2555/2556 ที่ท่าข้าววิจิตรา หมู่บ้านห้วยใคร้ ตำบลเวียง อำเภอเทิง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับใบประทวน ทำให้ต้องสูญเงินรวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สอบสวนพบว่า ท่าข้าววิจิตราเป็นเพียงเจ้าของสถานที่ แต่ผู้ดำเนินการรวบรวมข้าว คือนายณัชสัณห์ และ นางธนัญรัตน์ รัศมิ์ธนหิรัญ สามีภรรยา เจ้าของท่าข้าวนิธิพลสหการเกษตร ก่อนจะส่งข้าวไปให้กับโรงสีใหญ่อีกแห่ง ซึ่งทั้งหมดล้วนไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อโรงสีและท่าข้าว ที่ได้รับอนุมัติเป็นจุดรับจำนำข้าวนอกพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย
ส่วนชาวนาในอำเภอโพทะเล และอำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ที่ถูกโรงสีแอลโกแมนูเฟอร์เจค จำกัด ร่วมมือกับท่าข้าวฉ้อโกงข้าวไปกว่า 2,000 ตัน ก่อนหน้านี้ ทำให้คณะอนุกรรมการนโยบายแห่งชาติ หรือ กขช. มีคำสั่งให้ท่าข้าว ยกเลิกการรวมรวมข้าวของชาวนา เพื่อนำไปเข้าโครงการรับจำนำอีกทอดหนึ่ง โดยย้ำให้ชาวนาจำนำข้าวกับโรงสีที่ผ่านการรับรอง ซึ่งจะมีธงสัญลักษณ์ของ กขช. ติดไว้อย่างชัดเจนเท่านั้น
นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดข้าวนึ่งของไทยในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวถึงร้อยละ 20 และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกจากความต้องการซื้อของตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูง
โดยกระทรวงฯ จะสนับสนุนผู้ประกอบการโรงสีเข้าร่วมประมูลข้าวเปลือกในสต๊อกรัฐบาลเพื่อนำไปผลิตเป็นข้าวนึ่งเพื่อการส่งออก เพราะมีราคาสูงกว่าข้าวขาวเฉลี่ยตันละประมาณ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนกรณีข้าวถุงบางยี่ห้อที่มีสารตกค้างเกินมาตรฐาน จากการตรวจสอบซ้ำของ กรมการข้าวและกรมวิชาการเกษตร พบว่าสารดังกล่าวไม่ใช่สารเมทิลโบรไมด์ แต่เป็นสารชนิดอื่นที่ไม่เป็นอันตราย