เกย์ในงานศิลปะของวาติกัน
ภาพวาดเกี่ยวกับศาสนาและประวัติศาสตร์อันโดดเด่นของ อิล โซดอม่า อาจทำให้เขาเป็นที่จดจำของในฐานะจิตรกรที่ฝากผลงานชิ้นเยี่ยมไว้ในกรุงโรมช่วงยุคเรอเนซองส์มากมาย แต่ส่วนหนึ่งของชื่อเสียงมาจากการที่เขาเป็นศิลปินไม่กี่รายในอดีต ที่ยอมเปิดเผยการมีรสนิยมรักเพศเดียวกัน ด้วยการเลือกใช้ชื่อนามแฝงว่า อิล โซดอม่า ซึ่งหมายถึงการสังวาสระหว่างผู้ชายที่เป็นสิ่งต้องห้ามในประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน
การเชื่อมโยงเนื้อหาทางเพศในวงการศิลปะพบได้เสมอในประวัติศาสตร์โดยยอดศิลปินทุกยุคสมัยต้องยอมเสี่ยงสร้างงานที่ไม่อยู่ในกรอบ เพื่อพัฒนาและสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ตรงจิตนาการของตนอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงที่ศิลปะรุ่งเรืองถึงขีดสุด โบสถ์ต่างๆ ในกรุงโรมได้มอบหมายงานวาดภาพตกแต่งฝาผนังโบสถ์ให้จิตรกรที่มีความกล้าในการแสดงออกมากที่สุด ซึ่งไม่ว่าพวกเขาจะมีชีวิตส่วนตัวอย่างไร ทำให้วาติกันกลายเป็นศูนย์รวมผลงานที่สร้างสรรค์โดยจิตรกรที่มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน
ผลงานลือชื่อเหล่านี้มีทั้งภาพวาด St Jerome in the Desert ในพิพิธภัณฑ์ของวาติกัน วาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี จิตรกรที่เคยมีประวัติถูกจับกุมในข้อหาสังวาสกับผู้ชายด้วยกันช่วงวัยหนุ่ม ซึ่งผลงาน Saint John the Baptist ก็เป็นหนึ่งในรูปภาพที่ได้แบบมาจากหนึ่งในลูกศิษย์ที่เป็นคนรักหนุ่มของเขา
มิเกลันเจโล จิตรกรชื่อดังอีกคนหนึ่งที่มักใช้ผลงานสื่อถึงความหลงใหลในรูปร่างของบุรุษเพศ มีผลงานมากมายที่วาติกันให้การยอมรับ ทั้งในโบสถ์ พอลลีน ชาเปล ที่ใช้ในพิธีเลือกตั้งสันตะปาปาองค์ใหม่ หรือโบสต์ ซิสทีน ชาเปล โดยต่อมาพบหลักฐานว่ายอดศิลปินได้เขียนบทกลอนถึงชายคนรักเอาไว้อย่างมากมาย ขณะที่คาราวัจโจ ยอดจิตกรที่เล่ากันว่ามีความสัมพันธ์ลับๆ กับผู้อุปถัมภ์ที่ดำรงสมณเพศ มีภาพวาด The Calling of St Matthew ในโบสถ์ ซาน ลุยจิ เด ฟรานเซสซี
มีหลักฐานพบว่ามีการเปิดสโมสรสำหรับคนรักเพศเดียวกันอย่างแพร่หลายในยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 สะท้อนการมีอยู่ของสังคมคนเพศที่สามตั้งแต่ในอดีต ซึ่งการที่สันตะปาปาคนปัจจุบันออกมาแสดงทัศนะที่เปิดกว้างต่อกลุ่มคนเพศทางเลือก ถูกมองว่ามีบทบาทสำคัญในการทำให้ชนรักเพศเดียวกันที่เคยถูกกีดกันเป็นคนนอกศาสนา ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น