เนื้อหาเรื่องเพศของในหนังฮอลลีวูด
แจ้งเกิดจากเรื่อง Deep Throat ภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ที่ทำเงินได้มากที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์หนังโป๊ แต่ต่อมา Linda Lovelace เจ้าของบทบาทนางเอกร้อนแรง กลับยื่นฟ้อง Chuck Traynor ผู้เป็นสามีด้วยข้อหาข่มขู่และทำร้ายร่างกาย ทั้งยังผันตัวเป็นนักสิทธิสตรีในเวลาต่อมา ดราม่าชีวิตเข้มข้นของดาวโป๊แห่งยุค 70 นำมาถ่ายทอดใน Lovelace ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของฮอลลีวูดที่หยิบเนื้อหาเรื่องเพศมาเป็นหนึ่งประเด็นหลัก เหมือนกับภาพยนตร์ดังก่อนหน้านี้เช่นเรื่อง Shame ที่เล่าถึงพระเอกผู้เสพติดการมีเพศสัมพันธ์ หรือ Don Jon หนังใหม่ของ Joseph Gordon-Levitt จับเรื่องราวของชายหนุ่มกับการหมกมุ่นอยู่กับภาพยนตร์ผู้ใหญ่เป็นประเด็นหลัก
แม้จะหันมาพูดถึงเรื่องเพศมากขึ้น แต่หนังใหม่ๆ ของฮอลลีวูดหลายเรื่องกลับเปิดเผยฉากที่มีความสัมพันธ์รักทางกายน้อยลง และมีแนวโน้มที่จะพูดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ในแง่ของผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตมากกว่า โดยคณะกรรมการภาพยนตร์ของอังกฤษพบว่าจำนวนหนังผู้ใหญ่ลดลงจากร้อยละ 12 ในปี 2001 ลงเหลือร้อยละ 8 ในปี 2011 ขณะที่ Ipsos บริษัทวิจัยการตลาดแผนกภาพยนตร์เปิดเผยว่าราว 2 ปีที่ผ่านมาฮอลลีวูดมีภาพยนตร์ที่เผยฉากเซ็กส์น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนทั้งหมด โดย Vincent Bruzzese ประธานการวิจัยวิเคราะห์ว่าการลดทอนเนื้อหาทางเพศของฮอลลีวูด เป็นไปเพื่อให้ได้เรตติงในระดับที่เข้าถึงผู้ชมได้กว้างกว่า ส่วน Paul Degarabedian ประธานเว็บไซต์ hollywood.com มองว่าเด็กรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่คุ้นชินกับเนื้อหาเรื่องเพศจากในอินเทอร์เน็ตและโทรทัศน์เกินกว่าจะต้องการดูสิ่งเหล่านี้ในภาพยนตร์
การแสดงความรักทางกายอย่างลึกซึ้งของคู่พระนางในเรื่อง Titanic ตั้งแต่ปี 1997 คือภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่มีฉากเพศสัมพันธ์แล้วสามารถขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินสูงสุดในปีนั้น แม้ฉากหวาบหวามจะเคยเป็นหนึ่งในจุดขายของหนังอเมริกัน แต่การรับรู้เรื่องเพศที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ทำให้ภาพยนตร์ฮอลลีวูดมีรูปแบบการนำเสนอเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งหากไม่แสดงถึงที่มาที่ไปฉากเหล่านี้อย่างชัดเจน ความสัมพันธ์ทางเพศมักจะถูกใช้ในฐานะองค์ประกอบของปัญหาที่ตัวเอกต้องการจะก้าวข้ามไปให้ได้
ผลการสำรวจของ Warner Bros พบว่า ขณะที่ผู้ชมหญิงชื่นชอบให้ภาพยนตร์มีดาราชายรูปร่างหน้าตาดี แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ถูกใจนักเมื่อมีฉากสัมพันธ์สวาทที่ไร้ซึ่งเหตุผลและไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก