ภาคการเมืองร่วมเสวนา
ท่ามกลางการถามหาแนวทางการสร้างความปรองดอง และการหาทางออกให้กับความขัดแย้งในสังคมการเมืองไทยระหว่างร่วมเสวนาภายใต้หัวข้อ "จุดเปลี่ยนประเทศไทยสู่อนาคต" ผู้เข้าร่วมต่างเห็นตรงกันว่า แนวทางการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงที่ใช้สันติวิธี โดยนายพีรพันธ์ พาลุสุข เชื่อว่าประชาธิปไตยคือระบบที่จะเปลี่ยนแปลงทุกบริบทของประเทศ และแม้การเมืองไทยจะปกครองภายใต้ระบอบประธิปไตย แต่สังคมการเมืองไทยก็ยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยการขาดการทำความเข้าใจ กลายเป็นเงื่อนไขที่กีดขวางอยู่
นายโภคิน พลกุล เห็นว่าทุกแผนหรือทุกแนวทางที่จะเดินหน้าปฏิรูปประเทศ จะต้องยึดโยงกับประโยชน์ของประชาชน จึงจะทำให้ผลสรุปเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่ายได้ แม้แต่การแก้รัฐธรรมนูญ หากเป็นประเด็นปัญหาของสังคม ก็จำเป็นต้องแก้ไข
ขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร ชี้ว่าจุดเปลี่ยนของประเทศ คือการปฏิรูปประเทศ ซึ่งหมายถึงสังคมที่สงบสุข, ปลอดคอร์รัปชั่น, ปราศจากความเหลื่อมล้ำ, มีระบบการศึกษาที่ดี, จริยะธรรม และวัฒนธรรมเข้มแข็ง รวมถึงความรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนา
สอดคล้องกับความเห็นของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ที่กล่าวสนับสนุน และชี้ว่าปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข คือ ความเหลื่อมล้ำ และความเท่าเทียมในสังคม โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับปัญหาของกลุ่มบุคคลชั้นล่าง แต่รัฐบาลในปัจจุบับกลับให้ความสำคัญกับการแก้รัฐธรรมนูญ และการตรากฎหมายนิรโทษกรรม พร้อมระบุหาก 2 เดือนนี้ยังไม่ทบทวบอาจนำสังคมไทยไปสู่จุดการเมืองที่ร้อนที่สุดได้
ก่อนหน้านี้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่าเงื่อนไขสำคัญของการเปลี่ยนแปลง คือความเข้มแข็งของบุคคลที่จะคิด และวิเคราะห์ได้ ในขณะเดียวกัน ต้องมีทัศนคติ มีจิตสำนึก และมีคุณธรรมจริยธรรม รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่มั่นคง
การเสาวนาในครั้งนี้มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราชจัดขึ้นเนื่องในโอกาส 31 ปีคณะรัฐศาสตร์และครบรอบ 35 ปี ของมหาวิทยาลัยด้วยเป้าประสงค์ที่จะสร้างความเข้าใจ และสะท้อนภาวะการณ์ของการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบัน