นายกฯออสเตรเลียจี้รัฐบาลซีเรียพิสูจน์ข้อเท็จจริงกรณีใช้อาวุธเคมี

ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯว่า อาจตัดสินใจใช้กำลังเข้าแทรกแซงในสงครามกลางเมืองของซีเรีย ล่าสุดนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้ออกมาระบุว่า ข้อมูลหลักฐานชี้ไปในทางที่ว่าฝ่ายรัฐบาลซีเรียเป็นผู้ใช้อาวุธเคมี ดังนั้นภาระในการพิสูจน์ว่าไม่จริงจึงตกเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย

นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวว่า สัปดาห์หน้าออสเตรเลียจะเข้ารั้งตำแหน่งประธานคณะมนตรีความมั่นคงขององค์การองค์การสหประชาชาติ ซึ่งก็จะเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียยินยอมให้สหประชาชาติเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่มีการกล่าวอ้างว่าเกิดการใช้อาวุธเคมี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,300 คน โดยโอกาสเดียวกันนี้นายรัดด์ยังระบุว่าหลักฐานต่างๆ ขณะนี้ชี้ไปในทางที่ว่าฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้ใช้ ดังนั้น ภาระในการพิสูจน์ว่าไม่เป็นความจริงจึงตกเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย

รัฐบาลซีเรียปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายกบฏอย่างแข็งขันโดยล่าสุดโทรทัศน์รัฐบาลนำภาพที่อ้างว่าพบในพื้นที่ชานกรุงดามัสกัสที่ยึดได้จากฝ่ายกบฏ ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับแก๊สพิษ ทั้งนี้รัฐบาลซีเรียระบุว่าฝ่ายกบฏใช้อาวุธเคมีเพราะเป็นไพ่ใบสุดท้าย

ด้านเครือข่ายแพทย์ไร้พรมแดนในฝรั่งเศสได้เปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่าภายในเวลา 3 ชั่วโมงหลังเกิดการอ้างเหตุ มีผู้ป่วยหลั่งไหลมายังโรงพยาบาลของเครือข่ายในกรุงดามัสกัส 3,600 คน ซึ่งก็มีอย่างน้อย 355 คนที่เสียชีวิต ทั้งนี้แพทย์ไร้พรมแดนระบุว่าอาการของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นที่ระบบประสาท แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นอาวุธเคมี

ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าเคยประกาศว่า การใช้อาวุธเคมีหมายถึงเส้นตายในสงครามกลางเมืองของซีเรีย ซึ่งก็แปลความหมายกันว่าสหรัฐฯอาจใช้กำลังเข้าแทรกแซง ทั้งนี้ล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯเผยว่า ประธานาธิบดีโอบาม่ากำลังประเมินข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานและเตรียมออกมาตรการตอบโต้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเพียงใดและเป็นมาตรการใด