สหรัฐฯระดมเรือรบ เตรียมพร้อมโจมตีซีเรีย
นายชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยระหว่างเยือนฟิลิปปินส์ ว่าสหรัฐฯยังคงมองหาความร่วมมือจากพันธมิตรนานาชาติ เพื่อร่วมกันตอบโต้การกระทำของรัฐบาลซีเรียต่อไป แม้รัฐสภาอังกฤษจะลงมติเสียงข้างมาก 285 ต่อ 272 ไม่เห็นด้วยกับญัตติที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน เสนอให้มีปฏิบัติการทางทหาร เพื่อลงโทษรัฐบาลซีเรียที่ใช้อาวุธเคมีกับประชาชน ทำให้รัฐบาลอังกฤษไม่สามารถเดินหน้าการโจมตีได้ สร้างความผิดหวังแก่ฝ่ายต่อต้านของซีเรีย รวมทั้งต่อส.ส.อังกฤษกลุ่มที่เห็นด้วยกับการโจมตี เพื่อธำรงบทบาทของอังกฤษ
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการลงมติของรัฐสภาอังกฤษ ว่าทุกประเทศย่อมต้องมีสิทธิในการตัดสินใจ และสหรัฐจะยังคงปรึกษาหารือทิศทางข้างหน้ากับอังกฤษต่อไป
อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯอาจจะต้องปฏิบัติการณ์ตอบโต้ซีเรียเพียงลำพัง เนื่องจากจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีประเทศใดนอกจากฝรั่งเศสที่แสดงความสนับสนุน ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี ประกาศชัดว่า ยังไม่มีชาติใดหยิบยกเรื่องนี้หารือกับรัฐบาลเยอรมัน และรัฐบาลเยอรมันไม่สนใจจะเข้าร่วมปฏิบัติการ
ด้านคณะผู้ตรวจสอบสหประชาชาติที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อร้องเรียน เดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อพูดคุยกับเหยื่อ และจะเดินทางออกจากซีเรียในวันนี้ (30 ส.ค.2556) โดยจะต้องรีบเขียนรายงานสรุปสถานการณ์ส่งให้เลขาธิการสหประชาชาติภายในวันจันทร์ (2 ก.ย.2556) ท่ามกลางความตึงเครียดของสถานการณ์ทั้งภายในซีเรีย และในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่ขณะนี้สหรัฐฯระดมเรือรบพร้อมโจมตีทุกเมื่อ ขณะที่รัสเซียส่งเรือตรวจจับเรือดำน้ำและเรือยิงขีปนาวุธเข้าไปคุมเชิง
ด้านนายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ซึ่งประณามซีเรียอย่างรุนแรงและเห็นด้วยกับการให้บทเรียนกับรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัดซ้าด ระบุว่ามีหลักฐานชัดเจน ว่ากองทัพซีเรีย ใช้อาวุธเคมีกับประชาชน และตอนนี้ก็ขึ้นกับนานาชาติแล้ว ว่าจะสนองตอบต่อสถานการณ์อย่างไร ผู้นำออสเตรเลียยังระบุด้วยว่า รัฐบาลยังไม่ได้รับการร้องขอให้ร่วมปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียแต่อย่างใด ซึ่งหลังการลงมติในรัฐสภาอังกฤษผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ตอนนี้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่กระบวนการทางการทูตในสหประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสหประชาชาติที่เสร็จสิ้นไปเมื่อวานนี้ (29 ส.ค.2556) ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ออกมา