ระหว่างร่วมปาฐกถาในงานเสวนาเรื่องระบบนิติรัฐกับทางรอดประเทศไทย นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันถึงอำนาจหน้าที่และขอบเขตการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญว่า ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อตัดสินกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และมีอำนาจในการตรวจสอบนักการเมือง โดยเฉพาะการกระทำที่ผิดต่อรัฐธรรมนูญ หรือการพยายามล้มล้างรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาการปฏิบัติหน้าที่ 2 มาตรฐาน และย้ำว่าจะทำหน้าที่ตัดสินคดีตามอำนาจที่มีอยู่และไม่คิดก้าวก่ายเกินขอบเขตโดยเด็ดขาด พร้อมเสนอการปฏิรูปการเมือง โดยยึดรูปแบบที่ประเทศญี่ปุ่นบังคับใช้ด้วยการแก้กฎหมายเลือกตั้ง ให้การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เป็นคดีความอาญา
ขณะที่นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการใช้เสียงข้างมากอย่างลุแก่อำนาจ พร้อมกับชี้ว่า ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และ พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท จะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาวินิจฉัยความถูกต้องของศาลรัฐธรรมนูญ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว แบบสรรหา เชื่อว่า ปัญหาใหญ่ของประเทศ คือ การออกกฎหมายเพื่อให้เอื้อประโยชน์กับตัวเองและพวกพ้อง ส่งผลให้กฎหมายไทย ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ ทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น ประเทศเสียหาย