กทม.ต่อสู้คดีรถ-เรือดับเพลิงในศาลโลก

กรุงเทพมหานครเตรียมนำรายละเอียดคำพิพากษาคดีรถและเรือดับเพลิง ที่ศาลพิพากษาว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนคู่สัญญา เสนอต่ออนุญาโตตุลาการศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อต่อสู้คดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาคดีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปฏิเสธการให้ความเห็น เพราะจะมีผลต่อการตัดสินใจในชั้นอนุญาโตตุลาการของ ศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่กทม. และบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ จำกัด คู่กรณี ต่อสู้คดีกันอยู่

ขณะที่ฝ่ายกฏหมายกทม.ได้คัดสำเนารายละเอียดคำพิพากษา เพื่อเสนอต่ออนุญาโตตุลาการในการสู้คดี ซึ่งในชั้นไต่สวนของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้รถและเรือที่จอดทิ้งไว้ ทางกทม.ยังไม่สามารถทำอะไรได้ โดยต้องรอการตัดสินคดีความเรื่องนี้ก่อน ซึ่งคาดว่าคณะอนุญาโตตุลาการจะตัดสินคดีในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ อัยการสูงสุดได้นัดแถลงต่อแนวทางการต่อสู้ทางคดีระหว่างประเทศในช่วงบ่ายวันนี้ (11 ก.ย.)

โดยการจัดซื้อครั้งนี้แบ่งเป็น รถดับเพลิงจำนวน 315 คัน และเรือดับเพลิงอีกจำนวน 30 ลำ ซึ่งมีจำนวนหนึ่งได้จอดอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หากต้องนำรถและเรือดับเพลิงมาใช้ คาดว่าจะต้องเสียค่าซ่อมเป็นจำนวนมาก เพราะจอดมานานหลายปี จนไม่สามารถใช้การได้ อีกทั้งยังไม่สามารถซ่อมแซมในประเทศไทยได้ เพราะไม่มีเครื่องมือ จึงต้องส่งไปซ่อมที่สิงคโปร์ด้วยการทยอยลงเรือไปซ่อมแทน

ทั้งนี้ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกนายประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นเวลา 12 ปี และพล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เป็นเวลา 10 ปี โดยพบว่าทั้งสองคนมีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎระเบียบ การจัดซื้อเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ จำกัด ด้วยวิธีพิเศษ ทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน โดยศาลสั่งออกหมายจับ
นายประชา เพื่อมาดำเนินคดี และพล.ต.ต.อธิลักษณ์ให้มาฟังคำพิพากษาในวันที่ 16 กันยายนนี้