นายกสมาคมมวยปล้ำไทย คาดไทยจะมีโอกาสเข้าร่วมโอลิมปิกครั้งแรกปี 2014

นายกสมาคมมวยปล้ำแห่งประเทศไทย เชื่อว่า การที่ ไอโอซี โหวตให้กีฬามวยปล้ำ ได้กลับเข้ามาบรรจุในโอลิมปิกอีกครั้ง ในปี 2020 และ 2024 เป็นเพราะมีการปรับเปลี่ยนกติกาใหม่ ให้มีความเป็นสากลมากขึ้น และมวยปล้ำไทยน่าจะมีโอกาสเข้าร่วมโอลิมปิกเป็นครั้งแรกใน 2024

หลังจากที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี โหวตให้มวยปล้ำ เป็นกีฬาที่ได้บรรจุกลับเข้าไป ในโอลิมปิกอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง คือ ปี 2020 และ 2024 โดยได้รับคะแนนโหวตมากที่สุด 49 เสียง เหนือเบสบอล หรือ ซอฟท์บอล และสควอชที่ได้รับ 24 และ 22 คะแนนตามลำดับ

ล่าสุด ผศ.วังสรรค์ สุฉันทบุตร นายกสมาคมวยปล้ำแห่งประเทศไทย วิเคราะห์ว่า ปัจจัยสำคัญนอกเหนือจากที่โตเกียว ของญี่ปุ่น ซึ่งมีนักกีฬามวยปล้ำทำผลงานได้ดีในโอลิมปิก ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 แล้ว สหพันธ์มวยปล้ำนานาชาติ หรือ ฟีล่า โดยนาย เนนาด ลาโลวิค ประธานคนใหม่ชาวเซอร์เบีย ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ เพื่อให้มวยปล้ำได้กลับเข้าไปบรรจุในโอลิมปิกอีกครั้ง ด้วยการปรับกติกาใหม่ ให้มีความเป็นสากล และมีคนดูมากขึ้นตามหลักการตลาดของไอโอซี

ส่วนแผนการพัฒนาวงการมวยปล้ำไทย ได้หาเวทีให้นักกีฬาแข่งขันมากขึ้น โดยในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับโลก 1 รายการ และระดับเอเชีย 3 รายการ

ส่วนที่เพิ่งจบลงไป ก็คือมวยปล้ำชิงแชมป์ประเทศไทย ที่ จ.แพร่ ซึ่งมีนักกีฬามวยปล้ำจากทั่วประเทศ เข้าร่วมแข่งขันเกือบ 800 คน และมีนักกีฬาระดับเยาวชน แจ้งเกิดได้หลายคน

ซึ่งในยูธโอลิมปิก 2014 คาดว่า มวยปล้ำเยาวชนไทยจะได้สิทธิ์หญิง 1 คน ชาย 1 คน แต่ในระดับโอลิมปิก อาจต้องใช้เวลาอีกเป็น10 ปี โดยเชื่อว่ามวยปล้ำไทย จะมีโอกาสได้เข้าร่วมโอลิมปิกครั้งแรก ในปี 2024

สำหรับนักกีฬามวยปล้ำไทย ยังไม่เคยคว้าสิทธิ์เข้าร่วมในโอลิมปิกได้เลย ดีที่สุดในระดับซีเกมส์เท่านั้น โดยซีเกมส์ครั้งที่แล้วที่ประเทศอินโดนีเซีย คว้าได้ 3 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง

ซึ่งก่อนหน้านี้นักกีฬามวยปล้ำไทยส่วนใหญ่ จะมาจากชาวเขาที่มีร่างกายแข็งแกร่ง แต่ยังมีจุดอ่อนเรื่องไหวพริบ สมาคมจึงจำเป็นต้องดึงนักกีฬา จากโรงเรียนกีฬามาเสริม เพื่อให้มีความพร้อมที่สุด สำหรับเป้าหมายโอลิมปิกในอนาคต

กีฬามวยปล้ำมีประวัติอยู่คู่กับโอลิมปิกมายาวนาน ตั้งแต่โอลิมปิกสมัยเก่าครั้งแรกในปี 1896 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ รวมกว่า 117 ปี เว้นว่างไปเพียงแค่ครั้งเดียว ในโอลิมปิก 1990 ที่ปารีส

โดยสหรัฐฯ เป็นชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ส่วนรัสเซียเป็นชาติที่ก้าวขึ้นมาครองอำนาจกีฬานี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ญี่ปุ่น, ตุรกี, ฟินแลนด์, เกาหลีใต้ และอิหร่าน ก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน