ยูเอ็นเตรียมเผยรายงานตรวจอาวุธเคมีในซีเรีย

 

แม้จะไม่ได้กล่าวว่า ใครอยู่เบื้องหลังการสังหารชาวซีเรียกว่าพันคนด้วยอาวุธเคมี แต่ระบุว่าประธานาธิบดีซีเรียแปดเปื้อนมลทินเพราะอาชญากรรมที่ละเมิดมนุษยธรรม และกล่าวด้วยว่าสิงสำคัญ คือประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรียและเจ้าหน้าที่ซีเรียต้องมีความจริงใจ และหนทางเดียวที่จะผ่าวิกฤตซีเรียได้ คือทางออกทางการเมือง หากสามารถยุติวิกฤตอาวุธเคมีในซีเรียได้ จะมีการประชุมสันติภาพในเมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในเดือนหน้า เพื่อหาทางยุติความรุนแรงในซีเรียอย่างถาวร

 

ส่วนหัวหน้าคณะผู้ตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติเผยว่า รายงานตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะส่งให้กับ นายบัน ในนครนิวยอร์คในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จากนั้นนายบันจะบรรยายสรุปให้กับคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติฟังในวันจันทร์ (16 ก.ย.2556) เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในนครนิวยอร์ค

 

ส่วนโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ เชื่อว่ารายงานของยูเอ็นไม่ได้มุ่งกล่าวหาใคร แต่จะเต็มไปด้วยข้อเท็จจริง ที่ได้จากหลักฐาน เช่น ตัวอย่างดิน เลือดและของเหลวที่เก็บมาจากผู้ได้รับกระทบจากอาวุธเคมี อีกทั้งข้อมูลจากพยานและแพทย์ในซีเรีย พร้อมกล่าวด้วยว่าหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ทำงานอย่างแข้มแข็ง และสหรัฐฯ เชื่อมั่นว่า รัฐบาลนายอัสซาดเป็นผู้สังหารประชาชนด้วยอาวุธเคมี

 

ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังพบหารือกับเจ้าผู้ครองนครคูเวตที่ทำเนียบขาวในเรื่องวิกฤตซีเรีย โดยแสดงความหวังว่า การเจรจาระหว่างนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เรื่องแผนการปลดอาวุธเคมีซีเรียที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะประสบผลสำเร็จ และนำไปสู่การยุติวิกฤตสงครามกลางเมืองในซีเรียด้วยวิธีการทูต แต่ประธานาธิบดีโอบาม่ายืนยันว่า ข้อตกลงใดๆ ที่เกิดขึ้นจะต้องตรวจสอบได้และบังคับใช้ได้จริง

 

ขณะที่นายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ หารือกับนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่นครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์  โดยไม่เปิดเผยว่าทั้งสองหารือเรื่องใด แต่นายอันนันกล่าวเพียงว่า ทางออกของวิกฤตซีเรียจะไม่ได้จำกัดเฉพาะเรื่องอาวุธเคมีเท่านั้น และจะครอบคลุมถึงเรื่องการวางรากฐานทางการเมือง เพื่อเกิดประโยชน์กับชาวซีเรีย