กทม.ยันไม่สามารถใช้รถและเรือดับเพลิงได้ ต้องรอผลตัดสินของศาลก่อน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงชี้แจงกรณีที่กรุงเทพมหานคร ไม่สามารถนำรถ และเรือดับเพลิงมาใช้งานได้ เนื่องจากขณะนี้ต้องรอผลการตัดสินชี้ขาดคดีในศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ การที่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเสียงข้างมากให้จำคุก นายประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นเวลา 12 ปี และจำคุก 10 ปี พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.จากกรณีที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการผลักดันให้เร่งซื้ออุปกรณ์คุรุภัณฑ์บรรเทาสาธารณภัย โดยฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี และข้อบัญญัติของการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร และระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง และทำให้เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์พุค เสปเชียล ฟาห์ซอยก์ จำกัด ซึ่งเป็นจำเลยที่ 5 ที่ได้รับประโยชน์ถึงร้อยละ 48
กรุงเทพมหานครจึงไม่สามารถรับรถ และเรือดับเพลิงที่บริษัทสไตเออร์ฯ ได้จัดส่งมาใช้ประโยชน์ได้ เพราะหากกระทำการดังกล่าว จะหมายความว่า กทม.ยอมรับตามข้อเสนอของบริษัทดังกล่าว ที่ประสงค์จะไม่ใช้เพิกถอนสัญญาซื้อขาย ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาไปแล้ว
ทั้งนี้ กทม.ได้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปงป.ช.) ที่สั่งให้ กทม.ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิก หรือ เพิกถอนการอนุมัติเกี่ยวกับข้อตกลงซื้อขายรถและเรือดับเพลิง โดยได้ส่งเรื่องให้สำนักอัยการสูงสุด ฟ้องบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์พุค เสปเชียล ฟาห์ซอยก์ จำกัด เพื่อเพิกถอนสัญญาซื้อขายรถ และเรือดับเพลิงต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาการค้าระหว่างประเทศ และได้ว่าจ้างทนายความฟ้องต่อศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ รวมถึงได้เรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากความรับผิดทางละเมิดโดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง และยังได้ลงโทษทางวินัยกับข้าราชการที่เกี่ยวข้อง
จากนี้ กรุงเทพมหานคร จะติดตามผลการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะดำเนินการแปลคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ เพื่อส่งผลไปประกอบการพิจารณาของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศต่อไป