สภาฯพิจารณาร่าง
โดยหลักการของร่างกฎหมายฉบับนี้ คือการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง ของประชากร และของเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมถึงการเตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยเจตนาจะเชื่อมโยงฐานการผลิตกับฐานการส่งออกของประเทศกับเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่งในภูมิภาค
สาระของร่างกฎหมายมีข้อบัญญัติรวม 18 มาตรา แบ่งออกเป็น 2 หมวด คือหมวดที่ว่าด้วยการกู้เงิน และบริหารจัดการเงินกู้ ซึ่งกำหนดให้กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินบาท หรือเงินตราต่างประเทศ โดยผ่านการอนุมัติจาก ครม. วงเงินไม่เกิน 2 ล้านล้าน บาทในกำหนดเวลาไม่เกิน วันที่ 3 ธันวาคม 2563 เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และหมวดที่ว่าด้วยการเสนอ และการบริหารจัดการโครงการ ซึ่งในชั้นกรรมาธิการ แม้จะมีการปรับลดวงเงินในบางแผนงาน แต่ก็ปรับโยกไปเพิ่มในส่วนของแผนงานอื่น ทำให้กรอบวงเงินนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ขณะที่ การบริหารการอภิปรายรัฐบาล ก็กำชับ ส.ส.ให้เข้าร่วมการประชุม โดยเฉพาะรัฐมนตรี และกรรมาธิการ ที่มีหน้าที่ชี้แจง ขณะที่ฝ่ายค้าน จัดวางผู้อภิปราย 115 คน มุ่งเป้าไปที่ 3 ประเด็นหลัก คือภาระหนี้สินที่จะเกิดขึ้น, ความไม่พร้อมของโครงการ และความไม่โปร่งใสที่จะเกิดขึ้น
โดยจะมุ่งอภิปรายโดยฉพาะ มาตรา 3 ที่ว่าด้วยคำนิยามของคำว่า “แผนงาน โครงการ ยุทธศาสตร์ " และมาตรา 5 ซึ่งถือเป็นหัวใจของร่างกฎหมาย ที่กำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง มีอํานาจกู้เงิน รวมไปถึงข้อสังเกต ในประเด็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 ด้วยสาระของการใช้จ่ายงบประมาณที่อยู่นอกงบประมาณประจำปี อยู่นอกกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง และไม่เข้าข่ายความจำเป็นเร่งด่วน