หลายจังหวัดเตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น "หวู่ติ๊บ"

กองพลทหารราบที่ 9 ต้องใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง นำเฮลิคอปเตอร์ไปรับนางรอล่า ไม่ทราบนามสกุล อายุ 19 ปี ชาวกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ 8 เดือน มาจากบ้านไล่ป้า ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี หลังโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาประสานให้ช่วยเหลือ เนื่องจากฝนที่ตกทั้งวันทั้งคืน ทำให้ถนนถูกตัดขาดไม่สามารถเดินทางมาพบแพทย์เพื่อทำคลอดได้ ก่อนที่แพทย์จะทำการช่วยเหลือไว้ได้อย่างปลอดภัยทั้งแม่ และลูก

 

ส่วนสถานการณ์อิทธิพายุไต้ฝุ่นหวู่ติ๊บที่คาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือคืนนี้ ทำให้หลายจังหวัดเร่งเตรียมรับมืออย่างเต็มที่ เช่น ที่ จ.อุดรธานี ได้มีการเปิดประตูระบายน้ำอ่างบ้านจั่น และอ่างเก็บน้ำหนองสำโรงออกถึงวันละ 300,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุลูกดังกล่าว

 

เช่นเดียวกับ จ.หนองคาย ที่ได้ส่งหนังสือถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตราบลุ่มริมน้ำ และที่ลาดเชิงเขา รวมทั้งพื้นที่เสี่ยงภัยให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะแม่น้ำโขงที่แม้ขณะนี้จะต่ำกว่าตลิ่งถึง 4 เมตร แต่คาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 1-2 วันนี้

 

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ ยังคงอยู่ใน 3 จังหวัดคือ พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก จ.เพชรบูรณ์ ที่ยังมีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมกว่า 1,000 หลัง พื้นที่เกษตรจมน้ำเสียหายกว่า 3,000 ไร่ บ้านทางลัด ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ที่แม่น้ำวังทองยังไหลเข้าท่วม และมีระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ จ.นครสวรรค์ น้ำจากแม่น้ำยมยังคงไหลเข้าท่วมหลายหมู่บ้านใน ต.ท่าไม้ อ.ชุมแสง ซึ่งทั้ง 3 พื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่กำชับให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจากอิทธิพลของพายุหวู่ติ๊บเช่นกัน

 

ขณะที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้เร่งเสริมแนวป้องกันโบราณสถานหลายแห่ง พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณหน้าวัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากคาดว่าอิทธิพลของพายุหวู่ติ๊บจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังสั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง