<"">
พื้นที่ทางภาคกลางของเวียดนามได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างจากพายุไต้ฝุ่นนารีที่พัดถล่มเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) ขณะที่พายุไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ทำให้เกิดกระแสลมแรงและฝนตกหนักในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น แม้จะยังไม่พัดขึ้นฝั่งแต่ก็สร้างความเสียหายจากน้ำท่วมและดินถล่ม
สภาพความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นนารีที่พัดถล่มพื้นตอนกลางของเวียดนาม รวมทั้งเมืองเว้ ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกและเมืองดานัง เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ความรุนแรงของพายุ ซึ่งมีความเร็วลมถึง 133 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ต้นไม้ และเสาไฟฟ้าหักโค่น ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ล้มระเนระนาด ส่งผลให้เมืองดานังมีสภาพราวกับเกิดสงคราม โรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอน ชาวเมืองบอกว่าเป็นพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปีที่พัดถล่มเวียดนาม มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน
สายการบินเวียดนาม แอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ ต้องยกเลิกเที่ยวบินถึง 22 เที่ยวในเส้นทางเมืองเว้และเมืองดานัง ส่งให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องติดค้าง เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเวียดนามเปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ปลอดภัย เนื่องจากสถานตากอากาศริมทะเลได้รับผลกระทบไม่มากจากพายุ
ทั้งนี้ ทางการเวียดนามได้อพยพประชาชนกว่า 120,000 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงก่อนพายุเข้า จึงมีความสูญเสียไม่มาก และหลังจากพายุไต้ฝุ่นนารีเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศลาวได้อ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อน
สำหรับผู้กำลังจะไปญี่ปุ่นต้องตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง เพราะพายุไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ทำให้เกิดกระแสลมแรง และฝนตกหนักในกรุงโตเกียว แม้จะยังไม่พัดขึ้นฝั่ง ชาวเมืองเดินทางไปทำงานด้วยความยากลำบาก การสัญจรทางน้ำและทางอากาศหยุดชงัก เบื้องต้นมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คนและสูญหายไปอีก 30 คนจากน้ำท่วมและดินถล่มที่สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนบนเกาะโอชิมะ (Oshima) ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางใต้ประมาณ 120 กิโลเมตร
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของญี่ปุ่นคาดว่า พายุไต้ฝุ่นวิภาจะเคลื่อนตัวไปทางเหนือและจะทำให้เกิดฝนตกหนักมากกว่า 300 มิลลิเมตร รวมทั้งก่อให้เกิดคลื่นลมแรงในทะเล นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิชิ ซึ่งอยู่ในเส้นทางของพายุ ซึ่งก็สร้างความวิตก เพราะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ยังมีปัญหาการรั่วไหลของน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสี โดยพายุไต้ฝุ่นวิภาเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ที่เคลื่อนตัวพาดผ่านกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น