6 เดือนหลังรัฐบาลกัมพูชาและไทยเสร็จสิ้นการแถลงด้วยวาจาที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในคดีคำร้องของกัมพูชาให้ตีความคำตัดสินศาลในคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 ศาลโลกได้แจ้งผ่านสถานทูตไทยที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถึงกำหนดการอ่านคำตัดสินที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า
นายณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงระหว่างการแถลงข่าวถึงความเป็นไปได้ ใน 4 แนวทาง ที่คาดว่า ศาลจะมีคำตัดสินตั้งแต่การยอมรับของศาลว่าไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี หรือ ตัดสินตามที่กัมพูชาเสนอ ซึ่งต้องการให้ศาลใช้เส้นเขตแดนตามที่กำหนดไว้ในแผนที่ฝรั่งเศสอัตราส่วน 1 : 200,000 ซึ่งจะทำให้พื้นที่ 4.6 ตร.กม.ที่อยู่ในอธิปไตยของไทยตกเป็นของกัมพูชา หรือ เห็นตามที่ฝ่ายไทยได้กำหนดพื้นที่ใก้ลเคียงรอบตัวปราสาทหลังศาลตัดสินในปี 2505 โดยไม่ต้องตีความตามคำร้องของกัมพูชา หรืออาจเป็นแนวทางที่ 4
คำตัดสินศาลเมื่อปี 2505 ระบุว่า ให้ปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา ให้ถอนทหารไทยออกจากพื้นที่รอบตัวปราสาทและคืนวัตถุโบราณให้กับกัมพูชา แต่ไม่ตัดสินในเรื่องเส้นเขตแดน ซึ่งในคำร้องขอตีความของกัมพูชาเห็นว่าการไม่ตัดสินเรื่องเส้นเขตแดนเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร
ขณะที่ฝ่ายไทย เห็นว่า ข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาจากความต้องการของกัมพูชาเข้าครอบครองและบริหารจัดการพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ของไทยรอบปราสาท หลังขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2551 ในวันจันทร์หน้า (21 ต.ค.) นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมดรวมถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการเหล่าทัพเพื่อร่วมหารือต่อสถานการณ์ในเรื่องนี้หลังศาลได้กำหนดวันตัดสินคดี