<"">
ฝรั่งเศสไม่พอใจที่หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ หรือ เอ็นเอสเอ สอดแนมการใช้โทรศัพท์ของชาวฝรั่งเศสกว่า 70 ล้านครั้ง และขอให้สหรัฐฯ ยุติการกระทำดังกล่าว ขณะที่สหรัฐฯย้ำจุดยืนว่า จะต้องถ่วงดุล ระหว่างการรักษาความมั่นคง กับการรักษาสิทธิส่วนบุคคลให้ได้
นายจอห์น เคอร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ หารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรับประทานอาหารเช้ากับ นายโลร็องต์ ฟาบิอุส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ที่กระทรวงต่างประเทศในกรุงปารีส ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของฝรั่งเศส หลังจากหนังสื่อพิมพ์ เลอ มงค์ ของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ หรือ เอ็นเอสเอ ได้สอดแนมการใช้โทรศัพท์ของชาวฝรั่งเศสกว่า 70 ล้านครั้ง ระหว่างวันที่ 10 ธันวาคมปีที่แล้ว ถึงวันที่ 8 มกราคม ปีนี้ หรือวันละกว่า 3 ล้านครั้ง
พร้อมระบุว่า เอ็นเอสเอ ได้บันทึกข้อมูลการใช้โทรศัพท์ในฝรั่งเศส โดยระบบสอดแนม จะส่งสัญญาณอัตโนมัติเมื่อมีการใช้โทรศัพท์ โดยมีการบันทึกข้อความ และถ้อยคำสำคัญๆ แล้วเก็บบันทึกไว้ แต่ไม่ชัดเจนว่า มีการบันทึกการสนทนาด้วยหรือไม่ และล่าสุด หนังสือพิมพ์เลอ มงด์ รายงานวันนี้ว่า สหรัฐฯ ยังสอดแนมสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสทั่วโลกอีกด้วย ส่วนนายฟาบิอุสได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ชี้แจงเรื่องดังกล่าว และขอให้ยุติการกระทำเช่นนี้กับพันธมิตร พร้อมย้ำว่า ต้องให้เกียรติความสัมพันธ์กับพันธมิตรด้วย
ก่อนหน้านี้ นายเคอร์รี กล่าวว่าสหรัฐฯ พยายามถ่วงดุลระหว่างการปกป้องความมั่นคงและการรักษาสิทธิส่วนบุคคล เพราะปัจจุบัน มีบุคคลจำนวนมาก จ้องก่ออันตรายกับผู้อื่น ทำให้การรักษาความปลอดภัยให้กับพลเรือนในโลกทุกวันนี้ทวีความซับซ้อนยิ่งขึ้น
การสอดแนมพลเรือนของฝรั่งเศส ทำให้กระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำฝรั่งเศสเข้าพบเมื่อวานนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งทั้ง 2 ตกลงว่า จะหารือในทางการทูตต่อไป ส่วนผู้นำฝรั่งเศสประณามเหตุดังกล่าวอย่างรุนแรง และเห็นว่าการที่สหรัฐฯ ทำกับมิตรประเทศเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้