ทหารไทย - กัมพูชายังคงวางกำลังปกติ
ชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ คลายความกังวล หลังการตัดสินคดีปราสาทพระวิหารที่ออกมาเป็นไปในทิศทางที่ดี ส่วนการวางกำลังของทหารไทย และกัมพูชา บนพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร ยังเป็นปกติ โดยผู้นำทางทหารทั้ง 2 ประเทศได้พบปะเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ป้องกันการเกิดเหตุความรุนแรงหลังคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร
ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า บรรยากาศที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตอนนี้ ชาวบ้านก็เริ่มที่จะคลายความกังวลลงไปบ้างแล้ว หลังได้ทราบคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ซึ่งศาลโลกนั้นไม่ได้ตัดสินตามที่กัมพูชาร้องขอ โดยชาวบ้านภูมิซรอลแสดงความดีใจทันทีที่ได้รับคำชี้แจงการสรุปการตัดสินคดีปราสาทพระวิหารจากนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ระบุว่าการตัดสินของศาลในครั้งนี้กัมพูชาไม่ได้รับสิ่งที่ร้องขอ นั่นคือพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยหลังจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศก็จะร่วมกันหารือตามกรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา หรือ เจบีซี ในการแก้ปัญหาเขตแดนร่วมกัน โดยชาวบ้านบอกว่าคลายความกังวลลงบ้าง หลังคำตัดสินในครั้งนี้ส่งผลดีต่อไทย
ส่วนฝ่ายปกครองใน จ.ศรีสะเกษ ที่เข้าร่วมฟังคำตัดสินกับชาวบ้านในครั้งนี้ก็บอกว่าหลังจากนี้ต้องรอฟังแนวทางการปฏิบัติจากรัฐบาลว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร แต่เบื้องต้น คำตัดสินที่ออกมาในทิศทางที่ดี ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่คลายความตึงเครียด โดยเฉพาะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน การวางกำลังของทหารทั้ง 2 ประเทศ ผู้นำทางทหารของไทย และกัมพูชาได้ลงพื้นที่พบปะพัฒนาความสัมพันธ์บริเวณช่องตาเฒ่า ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยทหารทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์ และยังมีการติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง โดยในพื้นที่ สถานการณ์วางกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายยังเป็นปกติ และไม่มีสัญญาณที่จะนำไปสู่ความรุนแรงในพื้นที่
ส่วนบริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำรวจตระเวนชายแดนของไทยก็ยังคงวางกำลังรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตามปกติ เช่นเดียวกับในฝั่งกัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหารก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว แม้ว่าในขณะนี้ สถานการณ์ในพื้นที่ยังคงเป็นปกติ และยังคงไม่มีสัญญาณที่จะนำไปสู่เหตุความรุนแรง แต่ว่าชาวบ้าน รวมถึงฝ่ายปกครองในพื้นที่ก็จะยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดไปอีกระยะหนึ่ง