ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อลดการเผชิญหน้า เนื่องจากไม่ต้องการเห็นภาพความรุนแรงหรือสูญเสียเกิดขึ้นในบ้านเมือง และกล่าวยอมรับในสิทธิการชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมือง แต่ก็ต้องเป็นไปตามกติกาและกฎหมาย โดยเฉพาะหลักกาปรระชาธิปไตย และต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใด พร้อมกันนั้น นายกรัฐมนตรี ก็เสนอเวทีปฏิรูป ที่จะเป็นทางออกของความเห็นต่างทางการเมืองที่เกิดขึ้น
วานนี้ (24 พ.ย.2556) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คถึงสถานการณ์ชุมนุม โดยขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ลดการเผชิญหน้า โดยมีเนื้อหาว่า "ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ประเด็นที่มาของส.ว. ตลอดจนการชุมนุมของประชาชนที่สะท้อนแนวคิดหลากหลาย ที่หาข้อยุติไม่ได้ จึงทำให้เกิดความกังวลขึ้น ซึ่งในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ยืนยันที่จะรักษากติกา และพร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในทุกเสียง เพื่อร่วมกันหาแนวทางออกของปัญหาร่วมกัน โดยเชื่อว่าในความเป็นคนไทย มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เหมือนกันทุกคน จึงขอเรียกร้องความสามัคคี สมานฉันท์ สงบสุข และเคารพในหลักนิติรัฐ
และในฐานะรัฐบาลไม่ต้องการเห็นภาพของการทะเลาะเบาะแว้ง จนนำไปสู่ความรุนแรง การเสียเลือดเสียชีวิตที่ไม่มีใครอยากเห็น การชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่ละเมิดกฎหมาย สามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น รัฐบาลจึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายดูแลความสงบเรียบร้อย บริหารจัดการด้วยความละมุนละม่อม และเป็นไปตามขั้นตอนวิธีการของมาตรฐานสากล เพื่อให้การแสดงออกของผู้ชุมนุมไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย และไม่เป็นเหยื่อของมือที่ 3 ที่จะใช้ความรุนแรง ไม่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่จะทำให้เกิดการสูญเสีย เพื่อเป็นเงื่อนไขแห่งความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่ชอบธรรม
ทั้งนี้ ยังเชื่อมั่นว่าประเทศชาติจะไม่ถึงทางตัน หากกระบวนการต่างๆ ยังยึดหลักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหากทุกคนหันหน้าเข้าหากัน ใช้เหตุใช้ผล เปิดกว้าง ไม่ใช้อารมณ์ ลดการเผชิญหน้า ใช้การพูดคุยด้วยวิถีแห่งสันติ ซึ่งเวทีปฏิรูปการเมือง เพื่อหาทางออกของประเทศที่รัฐบาลได้ริเริ่มไว้ ยังเปิดกว้างที่จะให้ทุกฝ่ายทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม และมาถกเถียงแนวทางการแก้ปัญหาของชาติ เพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ในอีกไม่กี่วันก็จะมีตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามแนวทางของรัฐสภา สุดท้ายนี้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงและสงบสุข เพื่อความเป็นปึกแผ่นของประเทศชาติ ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันปกป้องรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักของเราทุกคน
