หลังนายกรัฐมนตรีประกาศขยายพื้นที่คุ้มครอง ตามพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. ได้แถลงว่า ศอ.รส.จะดำเนินการให้รัฐบาลสามารถเข้าไปใช้สถานที่ราชการในการบริหารราชการได้ โดยเฉพาะในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่อาคารรัฐสภา ในวันนี้ (26 พ.ย.) ซึ่งล่าสุด ศอ.รส.มีการสั่งกำลังตำรวจไปรักษาความสงบเรียบร้อยในสถานที่สำคัญ เช่น สถานีดาวเทียมไทยคม ลาดหลุมแก้ว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง นอกจากนี้ ศอ.รส.จะกำหนดยุทธวิธี ในการเข้าเจรจาเพื่อขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าไปชุมนุมในสถานที่ราชการ คือ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกระทรวงการต่างประเทศ โดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง
ด้านพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีการติดต่อกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผ่านคนกลาง เพื่อขอพูดคุยทำความเข้าใจ ในการขอความร่วมมือเกี่ยวกับการชุมนุม ที่ส่งผลกระทบกับประชาชน แต่นายสุเทพ ยังไม่ตอบรับการหารือครั้งนี้
ส่วนการที่ศอ.รส.เตรียมจัดบุคคลเข้าเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมย้ายออกจากพื้นที่ ที่เข้าไปชุมนุมยังสถานที่ราชการสำคัญ ทางรัฐบาลยังไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลา ว่าจะสามารถเจรจาได้ภายในระยะเวลาเท่าใด /สำหรับการดำเนินคดี กับกลุ่มแกนนำและผู้ชมุนุม ที่กระทำผิดกฏหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ที่จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆในการดำเนินคดีต่อไป
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกสำรองขึ้น ภายในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อรองรับการทำงานของส่วนบริหาร และกรมฝ่ายเสนาธิการ โดยให้เป็นสถานที่ทำงานชั่วคราวในห้วงเวลา 3 วัน นับแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยกองทัพบกจะติดตามสถานการณ์และเชื่อมต่อกับ ศปก.ของหน่วยงานความมั่นคงอื่น เหมือนกับที่กองบัญชาการกองทัพบก
มีรายงานด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้มีการจับตาความเคลื่อนไหวของผู้บัญชาการเหล่าทัพ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่า ทางกองทัพอาจจะมีการเคลื่อนไหวเพื่อออกมาแก้ไขสถานการณ์ ซึ่งมีคำยืนยันจากทางกองทัพบกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการสั่งการให้เตรียมกำลังทหารออกมารักษาความสงบเรียบร้อยแต่อย่างใด