เปิดเอกสารยื่นถอดถอนนายกฯ-จารุพงศ์-ปลอดประสพ
โดยเนื้อหาสาระสำคัญบางส่วนในการถอดถอนนายกรัฐมนตรี ได้ระบุถึงหลายพฤติกรรมที่เข้าลักษณะต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 ประกอบด้วย การเพิกเฉยต่อพระราชบัญญัติ ป.ป.ช.มาตรา 103/7 ที่กำหนดให้รัฐต้องจัดทำข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายการจัดซื้อจัดจ้าง และการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้มีการทุจริตอย่างกว้างขวาง ซึ่งการไม่ดำเนินการจัดทำรายละเอียด ถือว่าเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 รวมถึงกรณีโครงการจำนำข้าว ที่ปล่อยให้มีการทุจริตอย่างกว้างขวาง สร้างผลกระทบต่อหลายฝ่าย และยังมีกรณีใช้การจ่ายเงินกู้ในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ซึ่งพบว่ามีการขอกู้หลังจากวันที่ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้ถึง 2 ครั้ง ซึ่งถือว่าเข้าข่ายผิดมาตรา 3 ของพ.ร.ก.เดียวกัน
ส่วนนายปลอดประสพเป็นการถอดถอนในข้อหาจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมายจาก กรณีปราศรัยบนเวทีเพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย ที่จ.เชียงใหม่ โดยมีเนื้อหาลักษณะว่าหากใครไม่เลือกพรรคเพื่อไทย รัฐบาลก็จะไม่ให้การดูแล ส่อให้เห็นถึงพฤติกรรมว่าไม่สนใจใยดีต่อกฎหมายบ้านเมือง เลือกปฏิบัติขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 30
ขณะที่ พฤติกรรมที่นำไปสู่การถอดถอนนายจารุพงศ์ เป็นกรณีขัดรัฐธรรมนูญ 265 และ พ.ร.บ. ป.ป.ช. 103 ที่ห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐรับสินบน หรืออประโยชน์อื่นใดนอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันควรได้ตามกฎหมาย
ส่วนบรรยากาศการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันแรก พักการประชุมไปเมื่อเวลา 1.35 น.โดยประเด็นสุดท้ายของการอภิปรายวันแรกคือกรณีการรับจำนำข้าว ซึ่งวันนี้จะมีการอภิปรายต่อเนื่อง โดยจะมี นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้อภิปรายต่อเนื่องในวันนี้
ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านเน้นย้ำกรณีไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี คือ การบริหารงานที่ผิดพลาด และไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจง ยืนยันว่า บริหารประเทศในฐานะหัวหน้ารัฐบาล สามารถฟันฝ่าปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ด้วยความเป็นตัวของตัวเอง ตามกำหนดการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามที่กำหนดไว้ จะปิดการประชุมในเวลา 24.00 น.และจะมีการลงมติในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.)