รถบัสโดยสารถูกเผาหน้าสนามราชมังคลาฯ
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (1 ธ.ค.) เกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นลอบเผารถบัสโดยสาร และรถตู้ 2 คันที่นำผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. มาร่วมชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทำให้รถเสียหายทั้งคัน แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงไว้ได้ภายใน 15 นาที และเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพบโครงกระดูกภายในรถที่ยังไม่ทราบว่าเป็นโครงกระดูกอะไร ซึ่งต้องรอการตรวจสอบของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ขณะที่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (1 ธ.ค.) ทหารกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ จำนวน 1 กองร้อย เดินทางเข้าเคลื่อนย้ายนักศึกษาที่ติดค้างอยู่ในมหาวิทยาลัยรามคำแหงออกไปยังวัดพระรามเก้า โดยใช้รถบัส 4 คัน บรรจุได้คันละ 40 คน โดยในแต่ละคันจะมีทหารคอยคุ้มกันไปจนถึงปลายทาง
ก่อนหน้านี้ทหารได้รับการประสานจากนายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้เข้าไปช่วยดูแลนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่ติดค้างอยู่ภายในมหาวิทยาลัยประมาณ 3,000 คน เพื่อขนย้ายนักศึกษาจำนวนดังกล่าวไปรวมตัวกันที่วัดพระราม 9
ขณะที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ยืนยันว่า ที่ผ่านมานักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงไม่ได้มีอาวุธติดตัวในระหว่างการชุมนุม พร้อมแนะศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.ว่า ควรมีท่าทีที่ชัดเจนกว่านี้ไม่เช่นนั้นจะแก้ไขอะไรไม่ได้
ก่อนหน้านี้ นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ได้ประกาศการยุติการชุมนุมชั่วคราว โดยขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากสนามราชมังคลากีฬาสถานเพื่อกลับบ้านและรอการนัดชุมนุมครั้งใหม่
ขณะที่ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์และระบุว่า พบระเบิดภายในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ไม่ระเบิดสำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ย่านรามคำแหงถือว่าขณะนี้คลี่คลายแล้ว