ผู้ประท้วงยูเครน ยืนยันจะชุมนุมไปจนกว่ารัฐมนตรีลาออกทั้งคณะ
การชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลยูเครน ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 12 แล้ว โดยผู้ประท้วงยืนยัน จะชุมนุมไปเรื่อยๆ จนกว่ารัฐมนตรีจะลาออกทั้งคณะ ขณะที่นานาชาติแสดงความกังวล ที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วง
กลยุทธ์ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล คือ การบุกยึดสถานที่ราชการ รวมถึงทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปทำงาน ซึ่งขณะนี้ ผู้ประท้วงสามารถยึดสถานที่ราชการได้หลายแห่งเช่น ที่ทำการสหภาพแรงงาน ศาลาว่าการกรุงเคียฟ
ส่วนที่จตุรัสเอกราช ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการชุมนุมประท้วงในกรุงเคียฟ ยังมีผู้ชุมนุมปักหลัก ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ จนผู้ชุมนุมต้องก่อกองไฟ ด้านนายกรัฐมนตรี ไมโคล่า อซา รอฟ ระบุว่า การที่ผู้ประท้วงบุกยึด และปิดกั้นทางเข้า-ออกสถานที่ราชการ ไม่ใช่การชุมนุมอย่างสันติ แต่เป็นสัญญานของการก่อรัฐประหาร และหากผู้ประท้วงยังคงปิดสถานที่ราชการ จะส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินบำนาญและเงินเดือนของเจ้าหน้าที่รัฐ
ขณะเดียวกันนายวิคเตอร์ ยานูโควิช ประธานาธิบดีของยูเครน ออกมาแสดงความเห็นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ทางการใช้กำลังสลายการประท้วงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ เรียกร้องให้ผู้ประท้วง จัดการชุมนุมอย่างสันติ และเคารพหลักนิติธรรม นอกจากนี้ยังกล่าวหาพรรคฝ่ายค้านว่า ใช้การประท้วงเป็นเครื่องมือเพิ่มคะแนนนิยมให้พรรคตัวเอง โดยไม่สนใจถึงผลเสียที่เกิดตามมา แม้ว่าสถานการณ์การประท้วงที่ยืดเยื้อนาน 12 วัน ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ แต่นายยานูโควิช จะยังคงยึดกำหนดการเดิม โดยวันนี้เขาจะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อเจรจาเรื่องกู้เงินและการลงทุนกับรัฐบาลจีน
สำหรับสาเหตุของการประท้วงเกิดจาก ประธานาธิบดียานูโควิช ยกเลิกการลงนาม ข้อตกลงความร่วมมือทางการค้ากับสหภาพยุโรป และจะหันไปสานสัมพันธ์กับรัสเซียแทน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ประชาชน ที่มองว่ารัสเซียใช้อิทธิพลทางการค้ากดดันยูเครนให้ยกเลิกการลงนามดังกล่าวประชาชนที่ไม่พอใจจึงต้องการให้รัฐบาลลาออก และจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด ส่วนเหตุปะทะในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บนับร้อยคน ทั้งตำรวจและผู้ประท้วง