มวลชนเคลื่อนไหวศาลากลางหลายจังหวัด
กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในหลายจังหวัดยังคงตั้งเวทีปราศรัย คู่ขนานกับการชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลาออกจากรัฐบาลรักษาการ โดยที่ศูนย์ราชการจังหวัดสงขลา ข้าราชการต้องเข้าออกทางประตูด้านหลัง เนื่องจากถูกใช้เป็นสถานที่ชุมนุม
ประตูทางเข้าศูนย์ราชการจังหวัดสงขลา ทั้ง 3 ด้าน ยังถูกปิดตาย หลังถูกกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กปปส.สงขลา ยึดพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากยังมีรถบรรทุก 6 ล้อ ที่ดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัยของกลุ่มผู้ชุมนุม มีการตั้งเต็นท์ และแผงขายสินค้า บริเวณถนนด้านหน้าทำให้ข้าราชการต้องไปใช้ประตูด้านหลัง เพื่อเข้าไปทำงานแทน แต่ถนนด้านหลังศูนย์ราชการ ก็ถูกป้องกันด้วยแนวรั้วลวดหนามเช่นกัน ส่วนภายในศาลากลางจังหวัด มีตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน รักษาความเรียบร้อย ซึ่งการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.จะมีขึ้นช่วงเย็นของทุกวัน
ส่วนที่ จ.พัทลุง มีการชุมนุมของมวลชน หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองพัทลุง เยื้องกับศาลากลางจังหวัด เช่นเดียวกับที่ จ.ตรัง ที่ยังมีเวทีชุมนุมหน้าหน้าศาลากลางจังหวัด อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ จ.พิษณุโลก กลุ่มต่อต้านรัฐบาล เปิดเวทีปราศรัย บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก แสดงจุดยืนไม่ต้องการให้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ต่อไป พร้อมยืนยันร่วมเคลื่อนไหวปฏิรูปการปกครอง
ที่ จ.พิจิตร ชาวบ้านติดตามข่าวสาร การชุมนุมทางการเมืองจากหนังสือพิมพ์ และแนวทางของรัฐบาล หลังนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา หลายคน ระบุว่า อยากให้ทั้ง 2 ฝ่าย เร่งหาทางออก เพื่อไม่ให้ประเทศไทยบอบช้ำ ไปมากกว่านี้
ด้านผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เห็นว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ อาจล่าช้าไปอีก ซึ่งจะทำให้สูญเสียการค้าและอีกไม่กี่ปี ก็จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ส่วนกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า มวลชนคนโคราชต้านคนโกง ตั้งเวทีปราศรัย ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ติดตามการกำหนดแนวทางเคลื่อนไหว ของแกนนำ กลุ่ม กปปส.ที่กรุงเทพมหานคร
เช่นเดียวกับที่ จ.ขอนแก่น ผู้ชุมนุมรวมตัวที่ลานน้ำพุ ริมบึงแก่นนคร เรียกร้องรัฐบาลหยุดการปฏิบัติหน้าที่
