นักวิชาการหวังให้
ในการเสวนา "ผลการเลือกตั้ง54 รัฐบาลใหม่กับอนาคตประเทศไทย ไปรอด" รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร จากมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตยหรือพีเน็ต เปิดเผยว่า คณะกรรมการเลือกตั้งได้เปิดเผยตัวเลขของผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งและผู้มาใช้สิทธิทั้งระบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตมีความแตกต่างกันมาก คือมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อต่างกับแบบแบ่งเขตถึง 95 คน และผู้มาใช้สิทธิทั้งสองแบบต่างกันถึง 83,222 คน ซึ่งถือว่าต่างกันมากผิดปกติ และอาจทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะได้
ขณะที่นางสมศรี หาญอนันทสุข จากเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี หรือ อันเฟรล กล่าวว่า มีหลายประเทศมีผู้หญิงที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำ โดยไม่มีประสบการณ์มาก่อน และถูกครหาจำนวนมาก จึงคิดว่าครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวิตร ที่จะได้เรียนรู้สังคมไทยและประเทศที่ตัวเองอยู่
ส่วน รศ.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ควรมองกระบวนการปรองดองเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนไม่ใช่ของหน่วยงานหรือผู้บริหารประเทศ เพราะว่าคนในสังคมขณะนี้มีความเกลียดชังและไม่ไว้วางใจกันมาก ซึ่งนี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด
ส่วน น.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ จากสภาพัฒนาการเมือง กล่าวว่า สังคมควรยอมรับความจริงเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสงบ และหวังว่าว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงจะสามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นไปได้ด้วยความปรองดอง
นอกจากความปรองดองแล้วนักวิชาการและเครือข่ายผู้หญิงมองว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรใช้ความสามารถ และความเป็นตัวของตัวเองในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะปัญหาคอร์รัปชั่นที่ถือว่ามีความท้าทายมาก เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนแก้ไขปัญหานี้ได้