บริษัทแม่ที่สหรัฐฯสั่งปิดแท็บลอยด์อื้อฉาวในอังกฤษ
หนังสือพิมพ์นิวส์ออฟเดอะเวิลด์ฉบับวันอาทิตย์นี้จะเป็นฉบับสุดท้ายที่วางขาย หลังจากนายเจมส์ เมอร์ด็อค ผู้บริหารบริษัทนิวส์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของนิวส์ออฟเดอะเวิลด์และเดอะซัน ตัดสินใจปิดหนังสือพิมพ์เนื่องจากผลกระทบของข่าวฉาวเรื่องการแฮกโทรศัพท์เพื่อหาข่าว ที่กำลังสร้างความเสื่อมเสียแก่หนังสือพิมพ์ รวมทั้งบริษัทของตระกูลเมอร์ด็อค เจ้าของสื่อระดับโลกหลายสำนัก ท่ามกลางการคาดเดาว่าบริษัทแม่ อาจมีแผนในการล้างภาพลักษณ์เก่าของหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ฉบับนี้ โดยสร้างหนังสือพิมพ์หัวใหม่แทน การประกาศปิดหนังสือพิมพ์สร้างความตกใจแก่พนักงานราว 200 คนของหนังสือพิมพ์ ที่ต่างไม่ทันตั้งตัว
หนังสือพิมพ์นิวส์ออฟเดอะเวิลด์ก่อตั้งมานาน 168 ปี เป็นหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ ซึ่งต้องแข่งขันอย่างสูงเพื่อให้ได้ข่าวฉาวมาตีแผ่ วางจำหน่ายทุกวันอาทิตย์ โดยมียอดขายสูงถึงสัปดาห์ละ 2.8 ล้านฉบับ แต่ต้องพบกับเรื่องอื้อฉาวเสียเอง เมื่อมีผู้ฟ้องร้องดำเนินคดีว่านักข่าวของหนังสือพิมพ์ใช้วิธีการแฮกโทรศัพท์ประชาชนทั้งเหยื่อฆาตกรรม และเหยื่อก่อการร้ายรวมทั้งครอบครัว ทหาร นักการเมือง และคนดังทั้งดารา นักร้อง นักกีฬา ไปจนถึงคนชั้นสูง สมาชิกราชวงศ์และคนใกล้ชิด ซึ่งวิธีการแฮกโทรศัพท์ถูกใช้อย่างแพร่หลายในบรรดานักข่าว และบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ในช่วงปี 2548 แต่พบว่าเริ่มมีการใช้วิธีนี้ย้อนไปตั้งแต่ช่วงปี 2545 ซึ่งการสอบสวนล่าสุด เจ้าหน้าที่พบความเป็นไปได้ว่าอาจมีเหยื่อถูกแฮกโทรศัพท์ถึง 4,000 คน
ข่าวฉาวที่เกิดขึ้นยังกระทบต่อนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ซึ่งถูกตั้งคำถามถึงภาวะผู้นำและการตัดสินใจ เพราะเขาจ้างนายแอนดี้ โคลสัน อดีตบรรณาธิการนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ที่เคยมีชื่อพัวพันกับการแฮกโทรศัพท์มาเป็นหัวหน้าฝ่ายสื่อและโฆษกสำนักนายก กระทั่งนายโคลสันต้องลาออกเมื่อต้นปี หลังชื่อของเขาปรากฏเป็นข่าวอีกครั้ง ล่าสุด มีรายงานว่าตำรวจควบคุมตัวนายโคลสันเกี่ยวกับกรณีแฮกโทรศัพท์แล้ว
ด้านนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจตั้งคณะกรรมอิสระ 2 ชุดขึ้นตรวจสอบเรื่องฉาวที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมระบุว่า ทั้งนักการเมืองและสื่อมวลชน ต่างล้มเหลวในการควบคุมการใช้เสรีภาพสื่ออย่างเกินเลย