สมาชิกสภาสหรัฐฯ เรียกร้องรัฐบาลช่วยเหลือโรฮิงญา
สมาชิกสภาสหรัฐอเมริกาจำนวน 23 คน ยื่นจดหมายถึงนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯสนับสนุนปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม กับผู้อพยพที่ล่องเรืออยู่ในทะเลอันดามัน และกำลังตกอยู่ในอันตราย
รวมทั้งสหรัฐอเมริกาควรทำงานร่วมกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และหาสาเหตุที่แท้จริงของวิกฤตการณ์ครั้งนี้หนังสือดังกล่าวยังได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของพล.อ.เต็งเส่ง ประธานาธิบดีเมียนมา ซึ่งออกกฎหมายที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับผู้ที่ปลุกปั่นให้มีการใช้ความรุนแรงกับชาวโรฮิงญา หากสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น
โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯพร้อมจัดการกับปัญหาผู้อพยพทางเรือชาวโรฮิงญา ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมบินลาดตระเวนน่านน้ำทั่วทั้งภูมิภาคและจะทำงานร่วมกับประเทศพันธมิตรในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังท่าทีดังกล่าวของกองทัพสหรัฐฯถือเป็นการแสดงความชัดเจนที่จะเข้ามามีบทบาทนำในการแก้ไขปัญหาผู้อพยพทางเรือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก
ขณะที่จีนซึ่งมีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้กับหลายประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออกมาคัดค้านแผนการบินลาดตระเวนน่านน้ำของสหรัฐฯในภูมิภาคนี้ เนื่องจากเป็นการลาดตระเวนที่จะครอบคลุมพื้นที่ในทะเลจีนใต้ด้วย นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ย้ำว่าสหรัฐฯควรปฏิบัติตามหลักการ "ไม่เข้าข้างประเทศใดประเทศหนึ่ง" ในเรื่องทะเลจีนใต้
ส่วนการให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮิงญานั้นล่าสุด นายมูจิฟ ฮาตามาน ผู้ว่าการเขตปกครองตนเองมุสลิมมินดาเนา ในฟิลิปปินส์ ออกแถลงการณ์ว่า ต้องการรับผู้อพยพชาวโรฮิงญาไปดูแล เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นชาวมุสลิมที่กำลังเผชิญกับความรุนแรงและถูกทำร้ายมามากเกินไป พวกเขาสมควรได้รับความเห็นใจและความเมตตา โดยเฉพาะเด็กและสตรีที่ต้องเผชิญกับการเดินทางที่เสี่ยงอันตราย
ขณะที่สำนักข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอชซีอาร์ ประเมินว่า ขณะนี้มีผู้อพยพชาวโรฮิงญาจากเมียนมา และบังคลาเทศ ลอยลำอยู่ในทะเลมากกว่า 3,000 คน และกองทัพเรือของมาเลเซียได้ออกลาดตระเวน เพื่อค้นหาและช่วยผู้อพยพเหล่านี้แล้ว ตามคำสั่งของผู้นำมาเลเซียเมื่อวานนี้(21 พ.ค.2558)