ตำรวจอังกฤษให้การคดีแฮ็กโทรศัพท์
นายตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจอังกฤษเข้าให้การกับคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาที่ว่าตำรวจอาจมีส่วนรู้เห็นกับการแฮ็กข้อมูลของหนังสือพิมพ์ชื่อดังของอังกฤษ โดยมีการประเมินว่าอาจมีผู้ตกเป็นเหยื่อการดักฟังโทรศัพท์มากเกือบ 4,000 คน
นายปีเตอร์ คล้าร์ค อดีตผู้บัญชาการฝ่ายต่อต้านการก่อการร้าย และนายแอนดี เฮย์แมน อดีตผู้ช่วยกรรมาธิการของสำนักงานตำรวจ เข้าให้การกับคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาที่ว่าตำรวจอาจมีส่วนรู้เห็นกับการแฮ็กข้อมูลของหนังสือพิมพ์ในเครือของนายรูเพิร์ท เมอร์ด็อค โดยทั้งคู่แสดงความเสียใจที่การสอบสวนคดีของหนังสือพิมพ์นิวส์ ออฟ เดอะ เวิล์ด เมื่อ 5 ปีก่อน กรณีที่มีการแฮ็กข้อมูลทางโทรศัพท์ ตำรวจไม่ได้สืบสวนขยายผลไปถึงหนังสือพิมพ์เดอะ ซัน และซันเดย์ ไทมส์ ที่อยู่ในเครือเดียวกัน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าน่าจะใช้วิธีเดียวกันในการหาข่าว โดยระบุว่า ในช่วงเวลานั้น บริษัทนิวส์อินเตอร์เนชั่นแนลซึ่งเป็นต้นสังกัด ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการสอบสวน ขณะเดียวกันในช่วงนั้นกำลังตำรวจมีเพียง 70 นาย และต้องสืบสวนคดีเกี่ยวกับก่อการร้าย จึงมีตำรวจไม่เพียงพอที่จะสอบสวนเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ยังยืนยันว่าไม่เคยรับเงินจากหนังสือพิมพ์เพื่อแลกกับการให้ข้อมูลติดต่อของบุคคลสำคัญต่างๆ
ขณะที่นางซู เอเคอร์ ผู้ช่วยรองกรรมาธิการสำนักงานตำรวจ คาดว่า มีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการดักฟังทางโทรศัพท์ 3,870 คน ในจำนวนนี้มีการดักฟังโทรศัพท์พื้นที่ 5,000 เลขหมาย และโทรศัพท์มือถืออีก 4,000 เลขหมาย
การไต่สวนตำรวจมีขึ้นหลังจากที่มีการเปิดเผยหลักฐานว่า หนังสือพิมพ์นิวส์ ออฟ เดอะ เวิล์ดได้จ่ายเงินรวมมูลค่าหลายหมื่นปอนด์ให้ตำรวจ เพื่อแลกกับข้อมูลเบอร์ติดต่อของสมาชิกราชวงศ์อังกฤษและเจ้าหน้าที่ในสำนักพระราชวัง
เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นทำให้หนังสือพิมพ์นิวส์ ออฟ เดอะ เวิล์ดที่มีอายุยาวนานถึง 168 ปีต้องปิดตัวไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และรัฐบาลอังกฤษกำลังกดดันให้นายรูเพิร์ท เมอร์ด็อค มหาเศรษฐีชาวออสเตรเลียที่ถือสัญชาติอเมริกัน เจ้าของเครือข่ายหนังสือพิมพ์ดังกล่าว ยกเลิกการซื้อกิจการของเครือข่ายโทรทัศน์ดาวเทียม "บริติช สกาย บรอดคาสติ้ง"
นายเมอร์ด็อคถือเป็นเจ้าพ่อของวงการสื่อระดับโลก สื่อในเครือข่ายของเขามีครบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสำนักพิมพ์ ที่มีทั้งหนังสือพิมพ์, นิตยสาร รวมถึงเครือข่ายโทรทัศน์ดาวเทียม, เคเบิ้ลทีวี, เว็บไซต์อย่างมายสเปซ, บริษัทผลิตภาพยนตร์ และเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค เป็นต้น เครือข่ายเหล่านี้มีทั้งในทวีปเอเชีย, ยุโรป, สหรัฐฯ, อังกฤษ และออสเตรเลีย รวมมูลค่า 32,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 980,000 ล้านบาท