ศาลเยอรมันนัดพิจารณาคดีอายัดเครื่องบินไทย 18 ก.ค.นี้ 
ก่อนถึงวันศาลเยอรมนีนัดหมายพิจารณาคดีอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคมนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้อธิบดีกรมขนส่งทางอากาศ ร่วมสมทบเตรียมเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมกับทางอัยการสูงสุดเพื่อความรอบคอบในการชี้แจงต่อศาล เนื่องจากศาลมีคำสั่งขอเอกสารหลักฐานเพิ่ม เพราะฝ่ายบริษัทเอกชนยื่นเรื่องคัดค้านการถอนอายัดของฝ่ายไทย
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การเร่งรัดหนี้สินในคดีล้มละลายของบริษัทร่วมทุนระหว่างประเทศ หรือ บริษัท วอลเตอร์ บาวน์ จำกัด อยู่ระหว่างการอุทรณ์ โดยย้ำทุกขั้นตอนควรเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายดังนั้นคดียังไม่เป็นที่สิ้นสุด จึงถือว่าฝ่ายบริษัทเอกชนทำไม่ถูกต้อง และ การยื่นถอนอายัดของฝ่ายไทย ได้ชี้แจงเอกสารหลักฐานชัดเจนว่าการครอบครองเครื่องบินโบอิ้ง 737 นั้นมีทะเบียนของเครื่องบิน เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้เข้าพบนางคอร์เนเลีย ไพเพอร์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี และ แจ้งว่าเครื่องบินโบอิ้ง 737 ที่ถูกอายัดเป็นเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารแล้ว แต่รัฐบาลเยอรมนีไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจศาลได้จึงต้องเดินหน้าตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศเยอรมนี
และมีการรายงานว่า บริษัทวอลเตอร์ บาวน์ เอจี ขออำนาจศาลสั่งอายัดเพราะเอกสารลงทะเบียนด้านการบิน ระบุว่าเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลไทย อีกทั้งศาลเยอรมนี ได้ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว และ เห็นว่าเป็นเอกสารถูกต้อง
แต่ตามข้อมูลของกองทัพอากาศเครื่องบินโบอิ้ง 737 ลำนี้กองทัพอากาศได้ทำหนังสือทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นเครื่องพระราชทานพาหนะใช้ในภารกิจตามพระราชอัธยาศัยเมื่อปี 2550 สมัยที่ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศแล้ว และขณะนี้สิทธิการครอบครองย่อมมีสถานะของเครื่องบิน เป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ ไม่ใช่ของกองทัพอากาศ หรือรัฐบาลแต่อย่างใด