ฟิลิปปินส์เดินหน้าอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์

จีนชี้ว่าการที่ฟิลิปปินส์อ้างสิทธิ์บางส่วนของหมู่เกาะสแปรตลีย์เป็นการทำลายความสงบสุขของภูมิภาค แต่ฟิลิปปินส์ได้ตอบโต้อย่างท้าทายว่า ไม่ว่าจะใหญ่ หรือ เล็ก ทุกชาติย่อมเสมอภาคกันภายใต้กฏหมายระหว่างประเทศ โดยสมาชิกรัฐสภากลุ่มหนึ่งยังได้เดินทางเข้าปักธงชาติฟิลิปปินส์บนหมู่เกาะสแปรตลีย์

สมาชิกรัฐสภาฟิลิปปินส์ 4 คนกำลังบันทึกภาพขณะบินอยู่เหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ที่ฟิลิปปินส์อ้างสิทธิ์ และ เมื่อเดินทางถึงบรรดาทหารและชาวบ้านประมาณ 60 คน ซึ่งมีทั้งที่อาศัยอยู่ก่อนและที่ฟิลิปปินส์ส่งเข้ามาอยู่อาศัยได้ให้การต้อนรับด้วยท่าทียินดียิ่ง

เกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลีย์ในทะเลจีนใต้โดยฟิลิปปินส์เรียกว่า หมู่เกาะปักกะสา ตั้งอยู่ห่างห่างจากจังหวัดปาลาวัน 480 กิโลเมตร ซึ่งมีขนาดเพียง 227.5 ไร่ แต่คาดกันว่าลึกลงไปใต้ทะเลเป็นแหล่งน้ำมันและก๊าซปริมาณมหาศาล

 เหล่าสมาชิกรัฐสภาฟิลิปปินส์เรียกการเดินทางมาครั้งนี้ว่า "ภารกิจเพื่ออธิปไตย" เพื่อยืนยันการอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะปักกะสาให้โลกได้รับรู้กันอีกครั้ง

ก่อนการร้องเพลงและปักธงชาติฟิลิปปินส์ลงบนผืนดินของเกาะปักกะสา ผู้บังคับกองพันทหารฟิลิปปินส์ได้กล่าวว่า ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ทุกชาติย่อมเสมอภาคกันภายใต้กฏหมายระหว่างประเทศ โดยรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เข้ามาจัดตั้งสำนักงานเทศบาล"กาลายัน"ไว้ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2521 เพื่อแสดงถึงการอยู่ภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของฟิลิปปินส์ ทั้งนี้คำว่าชาติใหญ่นี้ ฟิลิปปินส์หมายถึงจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้กล่าวหาว่า การกระทำของฟิลิปปินส์เป็นการทำลายสันติภาพภายในภูมิภาค

ขณะเดียวกันในการประชุมอาเซียนที่อินโดนีเซีย ซึ่งเมื่อวานนี้มีการทำความตกลงที่แทบไม่เคยปรากฏมาก่อนว่า ชาติที่อ้างความเป็นเจ้าของหรืออำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์จะแก้ไขปัญหาข้อพิพาทด้วยการเจรจาอย่างสันติ แต่ในการแยกออกมาแถลงข่าว รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์กลับกล่าวตั้งคำถามว่า เมื่อจีนได้เข้ามาเป็นภาคีภายใต้ข้อตกลงนี้แล้วย่อมต้องอยู่ภายใต้ประเพณีปฏิบัติ แต่จีนกลับอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ทั้งหมดจึงมีคำถามถึงความเหมาะสม