วันนี้ (18 ก.พ.2559) เครือข่ายประชาชนชายแดนใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติ ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เพื่อขอให้ทำหนังสือส่งถึงรัฐบาลให้ทบทวนและยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา อ.เทพา จ.สงขลา และโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ หลังยูเอ็น เรียกร้องให้นานาประเทศ เร่งแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนซึ่งเป็นภัยคุกคามใหม่ที่รุนแรง
หลังเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงยูเอ็นกว่า 3 ชั่วโมง นายดิเรก เหมนคร พร้อมตัวแทนเครือข่ายประชาชนชายแดนใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติ เผยว่าได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชน สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อธิบายความกังวลต่อความพยายามในการผลักดันโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่เทพาและกระบี่จากภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาวะโลกร้อน และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ครอบคลุมรัศมีเพียง 5 กิโลเมตรจากที่ตั้งโครงการ ทำให้ในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงระบุว่าไม่มีผลกระทบต่อชุมชน ทั้งที่ชุมชนอยู่ห่างจากขอบเขตการศึกษาเพียง 2 กิโลเมตร ไม่สามารถควบคุมปัญหาสิ่งแวดล้อมได้
นอกจากนี้การรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชน ไม่รับฟังความเห็นจากกลุ่มที่เห็นต่าง ทั้งยังใช้กำลังปิดกั้นการมีส่วนร่วมประชาชนพื้นที่ และมีการข่มขู่ผู้ที่ออกมาคัดค้านจึงเห็นว่าการยื่นจดหมายถึงยูเอ็นครั้งนี้จะเป็นการรับความคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน และสิทธิชุมชน
ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ.2559) เครือข่ายประชาชนชายแดนใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่สถานทูตอินโดนีเซีย ในฐานะที่เป็นประเทศที่ขายถ่านหินให้กับโครงการโรงไฟฟ้าเทพา และจะเดินทางต่อไปยังสถานทูตมาเลเซีย เนื่องจากเป็นเจ้าภาพในการเจรจาสันติภาพในชายแดนใต้ และหลังจากนี้เตรียมจะยื่นหนังสือถึงสถานทูตสิงคโปร์ตามคำแนะนำของยูเอ็น ในฐานะที่สิงคโปร์เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องมลพิษทางอากาศ