วันนี้ (25 ก.พ.2559) นายออมสิน ชีวพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่กิจการร่วมค้าเจวีซีซี ยื่นฟ้องศาลปกครอง ขสมก.เลิกสัญญาซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ว่า ไม่กังวลและบอกว่าเป็นสิทธิของเอกชนที่จะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่กระทรวงคมนาคมจะยังคงดำเนินการตามตามแผนงานที่วางไว้ โดยขณะนี้ ขสมก.กำลังเร่งแก้ไขสเปคในทีโออาร์ตามที่หลายฝ่ายเสนอให้ทบทวน ก่อนนำเข้าที่ประชุมบอร์ด ขสมก.และคณะรัฐมนตรี ภายใน 1-2 เดือนนี้
ขณะที่นางปราณี ศุกระศร รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่ายังไม่เห็นคำฟ้อง แต่พร้อมต่อสู้คดี เนื่องจากการยกเลิกสัญญาดังกล่าวเป็นไปตามสิทธิและข้อสังเกตจากหลายฝ่ายเกี่ยวกับทีโออาร์ที่อาจทำให้รัฐเสียประโยชน์ และหากเดินหน้าทำสัญญาอาจถูกฟ้องร้อง จึงจำเป็นต้องปิดช่องโหว่ในทีโออาร์ให้เรียบร้อยก่อน
สำหรับประเด็นข้อสังเกตในทีโออาร์ที่อยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไข เช่น กำหนดคุณสมบัติตัวรถให้ชัดเจนว่าจะเป็นรถประกอบในหรือต่างประเทศ ผลงานการซ่อมรถจะต้องแสดงด้วยอะไรบ้าง รวมทั้งการแปลเอกสาร โดยบริษัทผู้ถูกยกเลิกสัญญา สามารถกลับเข้าร่วมประมูลได้อีกครั้ง หากมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ทีโออาร์ใหม่กำหนด
ด้านนายกริน ชยวิสุทธิ์ ผู้จัดการโครงการฯ กิจการร่วมค้าเจวีซีซี ผู้ยื่นฟ้อง ยืนยันว่าคำสั่งยกเลิกการประกวดราคาและการลงนามในสัญญา โดยไม่ใช่ความผิดของกิจการร่วมค้าเจวีซีซี แม้มีคู่แข่งยื่นอุทธรณ์แต่ถูกตีตกไป บริษัทยังถูกต่อรองราคา เจรจา ตรวจร่างสัญญาและเตรียมที่จะลงนามในสัญญากับ ขสมก.
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2559 ศาลปกครองกลางรับฟ้องกรณีกิจการร่วมค้าเจวีซีซีของกลุ่มบริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน ผู้ชนะการประมูลจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ยื่นฟ้อง ขสมก., คณะกรรมการ ขสมก.,รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก. คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพอ.) และกระทรวงการคลัง ต่อศาลปกครองหลังถูกยกเลิกการจัดหาซื้อรถเมล์เอ็นจีวีดังกล่าว โดยเรียกค่าเสียหายจากการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ 1,500 ล้านบาท